อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศรอนหนังสือดับเบิลยูทีโอโวยสหรัฐเก็บภาษีกุ้งซ้ำซ้อน โดยได้ส่งเรื่องไปเจนีวา ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ผ่านมา ส่วนตัวเลขการส่งออกกุ้งยังไปได้ดี เฉพาะตลาดสหรัฐขยายตัวสูงถึงร้อยละ 25
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจากชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ยื่นฟ้องสหรัฐอเมริกาต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) เนื่องจากเก็บภาษีกุ้งนำเข้าจากไทยซ้ำซ้อน โดยเก็บทั้งอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) และเรียกเก็บพันธบัตรค้ำประกันส่งออก (C-Bond) ในช่วงที่ผ่านมา ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ทำหนังสือไปถึงคณะผู้แทนถาวรไทยประจำดับเบิลยูทีโอ ที่กรุงเจนีวา ให้ดำเนินการฟ้องร้องต่อดับเบิลยูทีโอแล้วตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา และหลังจากที่ทางเจนีวาได้ว่าจ้างทนายเพื่อดำเนินการฟ้องร้องแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ทนายได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ส่งออกไทย เพื่อต้องการรวบรวมหลักฐานให้การฟ้องให้มีน้ำหนักมากขึ้น
“เรามั่นใจว่าการที่สหรัฐเรียกเก็บทั้งอากรเอดีและ C-Bond กับไทยในช่วงที่ผ่านมา เห็นว่าสหรัฐทำผิดแน่นอน เพราะขัดต่อข้อตกลงของดับเบิลยูทีโอ เมื่อสหรัฐทำผิดก็ต้องเลิกมาตรการนี้ โดยดับเบิลยูทีโอจะตั้งองค์กรระงับข้อพิพาทขึ้นมาเพื่อตัดสินในเรื่องนี้ ซึ่งโดยปกติขั้นตอนตั้งแต่ยื่นฟ้อง ไต่สวน และตัดสิน จะใช้เวลาประมาณ 12 - 14 เดือน” นายราเชนทร์ กล่าว
ทั้งนี้ หากดับเบิลยูทีโอตัดสินว่า สหรัฐกระทำผิดจริง สหรัฐจะต้องเลิกเก็บ C-Bond ซึ่งในส่วนของไทยจะดำเนินการฟ้องร้องกระทั่งสหรัฐประกาศยกเลิก C-Bond ในที่สุด ส่วนกรณีที่อินเดีย ซึ่งถูกเก็บอากรเอดีเช่นกันและได้ยื่นฟ้องต่อสหรัฐโดยตรง เนื่องจากเห็นว่าการที่สหรัฐเรียกเก็บ C-Bond ซ้ำซ้อนกับอากรเอดี ขัดต่อกฎหมายภายในของสหรัฐเอง โดยเป็นการฟ้องของภาคเอกชนของอินเดีย แต่ในส่วนของภาคเอกชนไทยนั้น ยังไม่มีรายใดแสดงท่าที่ที่จะฟ้องร้องสหรัฐโดยตรงเหมือนที่อินเดียดำเนินการ
นายราเชนทร์ กล่าวว่า อยากให้เกษตรกรรับทราบและเข้าใจในขั้นตอนดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ หากมองในแง่ของการส่งออกกุ้งก็ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.49) ไทยส่งออกกุ้งไปทั่วโลกถึง 38,762 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ส่งออกได้ 33,118 ตัน ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐมีปริมาณ 20,757 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.21 เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่ส่งออกได้ 16,578 ตัน
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจากชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ยื่นฟ้องสหรัฐอเมริกาต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) เนื่องจากเก็บภาษีกุ้งนำเข้าจากไทยซ้ำซ้อน โดยเก็บทั้งอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) และเรียกเก็บพันธบัตรค้ำประกันส่งออก (C-Bond) ในช่วงที่ผ่านมา ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ทำหนังสือไปถึงคณะผู้แทนถาวรไทยประจำดับเบิลยูทีโอ ที่กรุงเจนีวา ให้ดำเนินการฟ้องร้องต่อดับเบิลยูทีโอแล้วตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา และหลังจากที่ทางเจนีวาได้ว่าจ้างทนายเพื่อดำเนินการฟ้องร้องแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ทนายได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ส่งออกไทย เพื่อต้องการรวบรวมหลักฐานให้การฟ้องให้มีน้ำหนักมากขึ้น
“เรามั่นใจว่าการที่สหรัฐเรียกเก็บทั้งอากรเอดีและ C-Bond กับไทยในช่วงที่ผ่านมา เห็นว่าสหรัฐทำผิดแน่นอน เพราะขัดต่อข้อตกลงของดับเบิลยูทีโอ เมื่อสหรัฐทำผิดก็ต้องเลิกมาตรการนี้ โดยดับเบิลยูทีโอจะตั้งองค์กรระงับข้อพิพาทขึ้นมาเพื่อตัดสินในเรื่องนี้ ซึ่งโดยปกติขั้นตอนตั้งแต่ยื่นฟ้อง ไต่สวน และตัดสิน จะใช้เวลาประมาณ 12 - 14 เดือน” นายราเชนทร์ กล่าว
ทั้งนี้ หากดับเบิลยูทีโอตัดสินว่า สหรัฐกระทำผิดจริง สหรัฐจะต้องเลิกเก็บ C-Bond ซึ่งในส่วนของไทยจะดำเนินการฟ้องร้องกระทั่งสหรัฐประกาศยกเลิก C-Bond ในที่สุด ส่วนกรณีที่อินเดีย ซึ่งถูกเก็บอากรเอดีเช่นกันและได้ยื่นฟ้องต่อสหรัฐโดยตรง เนื่องจากเห็นว่าการที่สหรัฐเรียกเก็บ C-Bond ซ้ำซ้อนกับอากรเอดี ขัดต่อกฎหมายภายในของสหรัฐเอง โดยเป็นการฟ้องของภาคเอกชนของอินเดีย แต่ในส่วนของภาคเอกชนไทยนั้น ยังไม่มีรายใดแสดงท่าที่ที่จะฟ้องร้องสหรัฐโดยตรงเหมือนที่อินเดียดำเนินการ
นายราเชนทร์ กล่าวว่า อยากให้เกษตรกรรับทราบและเข้าใจในขั้นตอนดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ หากมองในแง่ของการส่งออกกุ้งก็ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.49) ไทยส่งออกกุ้งไปทั่วโลกถึง 38,762 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ส่งออกได้ 33,118 ตัน ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐมีปริมาณ 20,757 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.21 เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่ส่งออกได้ 16,578 ตัน