บอสใหญ่แอมเวย์แดนปลาดิบ ประกาศธุรกิจขายตรงเอเชียโตพุ่ง ผลประกอบการขยับเกือบ 50% ของโลก หรือ 40.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้านไทยผลประกอบการปี 48 หดตัว 3% อัดของรางวัลจูงใจนักขาย หวังเป็นเครื่องมือรักษาการเติบโตปี 49 หลังเจอวิบากการเมือง-เศรษฐกิจ
นายเดวิด อัสเซอรี่ ประธาน บริษัท แอมเวย์ (ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้นภายใต้ตราสินค้าแอมเวย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจขายตรงแอมเวย์ในภูมิภาคเอเชียปีที่แล้ว มีการเติบโต 41% หรือสร้างรายได้ราว 40.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของรายได้โดยรวมทั่วโลกของแอมเวย์ที่มี 97.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีนักขาย 25 ล้านคน จาก 55 ล้านคนทั่วโลก
ปัจจัยที่ทำให้เอเชียเติบโตสูง เนื่องจากคนในเอเชียส่วนใหญ่มีความเข้าใจเรื่องการค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยจีนเป็นประเทศที่สร้างรายได้สูงสุดในโลกถึง 2,000 พันล้านเหรียญสหรัฐ และญี่ปุ่นเป็นอันดับสองสร้างรายได้ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นโยบายการตลาด บริษัทจะเน้นภายใต้ 3 P คือ Product ใส่ใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าที่บริษัทจะให้ความสำคัญ คือ เครื่องสำอางอาร์ทิสตี้ สกินแคร์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทรีไลฟ์ ส่วน P ตัวที่สอง คือ Plan การมีแผนการตลาดที่ยอดเยี่ยม และ P ตัวที่สาม คือ Partnerships หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัทกับนักขาย รองรับกับธุรกิจขายตรงที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น
ขณะที่ระบบขายธุรกิจขายตรงปัจจุบัน พัฒนาไปสู่อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ผ่านโทรทัศน์ วิทยุ และอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ดึงลูกค้าให้มาซื้อสินค้า ภายใต้การใช้ภาพยนตร์โฆษณาที่สร้างแรงจูงใจในการซื้อ แตกต่างจากแอมเวย์ ที่เน้นการขายภายใต้นักขายเป็นตัวกลางในการผลักดันสินค้าไปสู่ผู้บริโภค อย่างไรก็ตามบริษัทไม่มีความสนใจที่จะขยายช่องทางจำหน่ายสู่รีเทล
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะที่สถานการณ์ขายตรงแอมเวย์ในประเทศไทยสวนกระแสการเติบโตตลาดเอเชีย โดยผลประกอบการเมื่อปี 2548 ลดลง 3% หรือเหลือเป็น 8,990 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2547 มีรายได้ 9,280 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้นปีนี้ บริษัทฯจะพยายามรักษาอัตราการเติบโต ภายใต้การใช้กลยุทธ์ให้ของรางวัลเป็นเครื่องจูงใจกับพนักงานขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากปีนี้มีปัจจัยด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภค เพื่อรักษายอดขายแอมเวย์ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก
“ในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ยอดขายของเราลดลงถึง 2 ปี แต่พอเราใช้กลยุทธ์ให้รางวัลเพิ่มขึ้นในการจูงใจนักขาย ส่งผลให้ยอดขายโตขึ้นเป็นสองเท่า 3 ปี อย่างไรก็ตามธุรกิจขายตรงในประเทศไทยยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากการประกอบอาชีพขายตรงคนไทยมีน้อยราว 1 ใน 20 คนเท่านั้น เมื่อเทียบกับไต้หวัน 1 ใน 6 คน โดยคาดว่าในอนาคตยอดขายแอมเวย์ประเทศไทยจะขยับพุ่งถึง 2 หมื่นล้านบาท”
นายเดวิด อัสเซอรี่ ประธาน บริษัท แอมเวย์ (ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้นภายใต้ตราสินค้าแอมเวย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจขายตรงแอมเวย์ในภูมิภาคเอเชียปีที่แล้ว มีการเติบโต 41% หรือสร้างรายได้ราว 40.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของรายได้โดยรวมทั่วโลกของแอมเวย์ที่มี 97.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีนักขาย 25 ล้านคน จาก 55 ล้านคนทั่วโลก
ปัจจัยที่ทำให้เอเชียเติบโตสูง เนื่องจากคนในเอเชียส่วนใหญ่มีความเข้าใจเรื่องการค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยจีนเป็นประเทศที่สร้างรายได้สูงสุดในโลกถึง 2,000 พันล้านเหรียญสหรัฐ และญี่ปุ่นเป็นอันดับสองสร้างรายได้ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นโยบายการตลาด บริษัทจะเน้นภายใต้ 3 P คือ Product ใส่ใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าที่บริษัทจะให้ความสำคัญ คือ เครื่องสำอางอาร์ทิสตี้ สกินแคร์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทรีไลฟ์ ส่วน P ตัวที่สอง คือ Plan การมีแผนการตลาดที่ยอดเยี่ยม และ P ตัวที่สาม คือ Partnerships หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัทกับนักขาย รองรับกับธุรกิจขายตรงที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น
ขณะที่ระบบขายธุรกิจขายตรงปัจจุบัน พัฒนาไปสู่อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ผ่านโทรทัศน์ วิทยุ และอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ดึงลูกค้าให้มาซื้อสินค้า ภายใต้การใช้ภาพยนตร์โฆษณาที่สร้างแรงจูงใจในการซื้อ แตกต่างจากแอมเวย์ ที่เน้นการขายภายใต้นักขายเป็นตัวกลางในการผลักดันสินค้าไปสู่ผู้บริโภค อย่างไรก็ตามบริษัทไม่มีความสนใจที่จะขยายช่องทางจำหน่ายสู่รีเทล
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะที่สถานการณ์ขายตรงแอมเวย์ในประเทศไทยสวนกระแสการเติบโตตลาดเอเชีย โดยผลประกอบการเมื่อปี 2548 ลดลง 3% หรือเหลือเป็น 8,990 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2547 มีรายได้ 9,280 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้นปีนี้ บริษัทฯจะพยายามรักษาอัตราการเติบโต ภายใต้การใช้กลยุทธ์ให้ของรางวัลเป็นเครื่องจูงใจกับพนักงานขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากปีนี้มีปัจจัยด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภค เพื่อรักษายอดขายแอมเวย์ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก
“ในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ยอดขายของเราลดลงถึง 2 ปี แต่พอเราใช้กลยุทธ์ให้รางวัลเพิ่มขึ้นในการจูงใจนักขาย ส่งผลให้ยอดขายโตขึ้นเป็นสองเท่า 3 ปี อย่างไรก็ตามธุรกิจขายตรงในประเทศไทยยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากการประกอบอาชีพขายตรงคนไทยมีน้อยราว 1 ใน 20 คนเท่านั้น เมื่อเทียบกับไต้หวัน 1 ใน 6 คน โดยคาดว่าในอนาคตยอดขายแอมเวย์ประเทศไทยจะขยับพุ่งถึง 2 หมื่นล้านบาท”