ปชป.เผยวิกฤตเงินคงคลังรัฐ ใกล้ถังแตก ระบุสาเหตุหลักมาจากนโยบาย ที่มีการคงเงินคงคลังไว้ในอัตราต่ำมาก อีกทั้งเงินคงคลังในอดีตถูกใช้ไปในนโยบายประชานิยม ปราศจากวินัยการเงินการคลังจนน่าห่วงว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้งอย่างรุนแรง และยากต่อการแก้ไข
นายพิเชษฐ พันธ์วิชาติกุลกล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาจากเงินคงคลังลดต่ำได้ส่งผลจนเป็นวิกฤติหลายเรื่อง อาทิ งบประมาณก่อสร้างที่ค้างจ่ายทั่วประเทศ โดยขณะนี้ในส่วนของการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิหรือหนองงูเห่ามีการค้างจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาทั้งที่ถึงกำหนดจ่ายเงินแล้วหลายหมื่นล้านบาท รวมทั้งงบก่อสร้างที่เป็นงบลงทุนรายเล็กทั่วประเทศ ทั้งกรมทางหลวง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้รับเหมาส่งงานไป 6 เดือนแต่ยังไม่ได้รับเงิน รวมทั้งเกิดปัญหาในวงการราชการ โดยข้าราชการที่ขอเออลี่รีไทร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 ขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินจำนวนมาก และยังมีกลุ่มข้าราชการบำนาญในบางหน่วยงานที่ร้องทุกข์ว่ามีข้อขัดข้องในการรับเงิน ดังนั้นจำนวนเงินคงคลังที่เหลือน้อยจะสร้างผลกระทบต่อทุกวงการจะนำมาสู่วิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง และปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลต้องเผชิญอีกคือการจัดการเลือกตั้งที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่า 2,000 ล้านบาทและหากการเลือกตั้งต้องยืดเยื้องบฯที่ใช้อาจมากกว่า 3,000 ล้านบาท
“นอกจากนี้ 1-2 ปีที่ผ่านมามีการนำงบฯจากการขายรัฐวิสาหกิจมาใช้ล่วงหน้าไปหมดแล้ว รวมทั้งกรณีการแปรรูป กฝผ.ที่รัฐบาลต้องนำเงินมาคืนค่าหุ้นให้พนักงานนั้น ห่วงว่าจะมีการถ่วงเวลาคืนค่าหุ้นให้กับพนักงานกฝผ.ออกไปอีก ซึ่งเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนเดือนธันวาคมไม่ได้เกิดเพราะม็อบพันธมิตร เพราะรัฐบาลสร้างวิกฤติแก่ตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงปัญหางบประจำที่กำลังวิกฤติ แต่กลับไปขึ้นเงินเดือนครู ขึ้นค่าตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แล้วไม่รู้ว่าจะเอาที่ไหนไปจ่าย รัฐบาลได้เตรียมหลายโครงการเพราะคิดว่าจะได้เงินจากการแปรรูป กฝผ. ถึง 60,000 ล้านบาท แล้ววันนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างไรจากเงินดังกล่าวที่หายไป รัฐบาลต้องแถลงให้ประชาชนทราบปัญหาวิกฤตินี้อย่างโปร่งใส ซึ่งจะส่งผลต่อต่างประเทศที่มองว่าประเทศไทยไม่รักษาวินัยการคลังและงบประมาณ ซึ่งความมั่นใจของต่างชาติต่อประเทศไทยจะหายไปหากเขารู้ความจริง” นายพิเชษฐกล่าว
นายพิเชษฐ กล่าวต่อว่า แม้รัฐบาลจะแก้ไขด้วยการขยายเงินตั๋วคงคลังจาก 80,000 ล้านบาทเป็น 160,000 ล้านบาทเพื่อให้เพียงพอนั้นก็จะเกิดปัญหาคือ 1.การเป็นครม.รักษาการจะสามารถอนุมัติเงินกู้ก้อนนี้ได้หรือไม่ 2.แม้รัฐบาลจะหาทางอนุมัติได้ แต่ในขณะนี้อยู่ในช่วงอัตราดอกเบี้ยสูง ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้จะเอาตั๋วเงินคงคลังที่ออกมาขายให้กับใคร
“ทางออกหนึ่งคือ รัฐบาลน่าจะชะลอเงินที่จะส่งให้กับกองทุนประกันสังคมไว้ได้ เพราะกองทุนประกันสังคมมีเงิน 300,000 กว่าล้านบาทแต่นำเงินไปเล่นหุ้น ซื้อหุ้นชินคอร์ปฯ และยังไปซื้อหุ้นเพื่อไปพยุงหุ้นในแต่ละตัวตามคำสั่งของผู้มีอำนาจในรัฐบาล รวมทั้งรัฐบาลต้องเลิกนโยบายประชานิยมทั้งหมดไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาวิกฤติในการจัดทำงบประมาณในปี 2550 เพราะจะยิ่งเป็นการสร้างตัวเลขหลอกประชาชน”นายพิเชษฐกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทหรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าวว่า ถ้าข้อมูลทั้งหมดที่รัฐบาลดำเนินการกระจายออกไปจนรับรู้ไปทั่วค่าเงินบาทจะตก เมื่อถามต่อว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นจะเป็นเหตุให้ประเทศต้องกู้เงินกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อีกหรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าว่า ถ้าต้องกู้ ไม่ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่หรือใครจะเข้ามา มันก็ต้องกู้ เพราะสถานะถังแตกกำลังจะแตกดังโพละ จากผลงาน 5 ปี ของรัฐบาล ซึ่งวิกฤติที่เกิดขึ้นจะจากวิกฤติปี 2540 โดยวิกฤติครั้งนี้ปัญหาหนี้ทั้งหมดจะเป็นเงินก้อนเล็กจากคนจำนวนมาก หลายสิบล้านคนซึ่งจะแก้ไขยากกว่า อีกทั้งรัฐบาลใช้หนี้ให้ธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) และธนาคารโลก รวมกันหลายหมื่นล้านบาท ก่อนกำหนดเพื่อสร้างภาพและยังยอมเสียค่าปรับที่จ่ายก่อนกำหนดโดยเป็นจำนวนที่ไม่ยอมเปิดเผย ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่คืนเงินเอดีบีเมื่อกลางปี 2546 อย่างน้อยประเทศไทยจะต้องเหลือเงินประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทที่จะแก้ปัญหาขณะนี้ได้
นายพิเชษฐ พันธ์วิชาติกุลกล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาจากเงินคงคลังลดต่ำได้ส่งผลจนเป็นวิกฤติหลายเรื่อง อาทิ งบประมาณก่อสร้างที่ค้างจ่ายทั่วประเทศ โดยขณะนี้ในส่วนของการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิหรือหนองงูเห่ามีการค้างจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาทั้งที่ถึงกำหนดจ่ายเงินแล้วหลายหมื่นล้านบาท รวมทั้งงบก่อสร้างที่เป็นงบลงทุนรายเล็กทั่วประเทศ ทั้งกรมทางหลวง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้รับเหมาส่งงานไป 6 เดือนแต่ยังไม่ได้รับเงิน รวมทั้งเกิดปัญหาในวงการราชการ โดยข้าราชการที่ขอเออลี่รีไทร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 ขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินจำนวนมาก และยังมีกลุ่มข้าราชการบำนาญในบางหน่วยงานที่ร้องทุกข์ว่ามีข้อขัดข้องในการรับเงิน ดังนั้นจำนวนเงินคงคลังที่เหลือน้อยจะสร้างผลกระทบต่อทุกวงการจะนำมาสู่วิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง และปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลต้องเผชิญอีกคือการจัดการเลือกตั้งที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่า 2,000 ล้านบาทและหากการเลือกตั้งต้องยืดเยื้องบฯที่ใช้อาจมากกว่า 3,000 ล้านบาท
“นอกจากนี้ 1-2 ปีที่ผ่านมามีการนำงบฯจากการขายรัฐวิสาหกิจมาใช้ล่วงหน้าไปหมดแล้ว รวมทั้งกรณีการแปรรูป กฝผ.ที่รัฐบาลต้องนำเงินมาคืนค่าหุ้นให้พนักงานนั้น ห่วงว่าจะมีการถ่วงเวลาคืนค่าหุ้นให้กับพนักงานกฝผ.ออกไปอีก ซึ่งเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนเดือนธันวาคมไม่ได้เกิดเพราะม็อบพันธมิตร เพราะรัฐบาลสร้างวิกฤติแก่ตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงปัญหางบประจำที่กำลังวิกฤติ แต่กลับไปขึ้นเงินเดือนครู ขึ้นค่าตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แล้วไม่รู้ว่าจะเอาที่ไหนไปจ่าย รัฐบาลได้เตรียมหลายโครงการเพราะคิดว่าจะได้เงินจากการแปรรูป กฝผ. ถึง 60,000 ล้านบาท แล้ววันนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างไรจากเงินดังกล่าวที่หายไป รัฐบาลต้องแถลงให้ประชาชนทราบปัญหาวิกฤตินี้อย่างโปร่งใส ซึ่งจะส่งผลต่อต่างประเทศที่มองว่าประเทศไทยไม่รักษาวินัยการคลังและงบประมาณ ซึ่งความมั่นใจของต่างชาติต่อประเทศไทยจะหายไปหากเขารู้ความจริง” นายพิเชษฐกล่าว
นายพิเชษฐ กล่าวต่อว่า แม้รัฐบาลจะแก้ไขด้วยการขยายเงินตั๋วคงคลังจาก 80,000 ล้านบาทเป็น 160,000 ล้านบาทเพื่อให้เพียงพอนั้นก็จะเกิดปัญหาคือ 1.การเป็นครม.รักษาการจะสามารถอนุมัติเงินกู้ก้อนนี้ได้หรือไม่ 2.แม้รัฐบาลจะหาทางอนุมัติได้ แต่ในขณะนี้อยู่ในช่วงอัตราดอกเบี้ยสูง ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้จะเอาตั๋วเงินคงคลังที่ออกมาขายให้กับใคร
“ทางออกหนึ่งคือ รัฐบาลน่าจะชะลอเงินที่จะส่งให้กับกองทุนประกันสังคมไว้ได้ เพราะกองทุนประกันสังคมมีเงิน 300,000 กว่าล้านบาทแต่นำเงินไปเล่นหุ้น ซื้อหุ้นชินคอร์ปฯ และยังไปซื้อหุ้นเพื่อไปพยุงหุ้นในแต่ละตัวตามคำสั่งของผู้มีอำนาจในรัฐบาล รวมทั้งรัฐบาลต้องเลิกนโยบายประชานิยมทั้งหมดไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาวิกฤติในการจัดทำงบประมาณในปี 2550 เพราะจะยิ่งเป็นการสร้างตัวเลขหลอกประชาชน”นายพิเชษฐกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทหรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าวว่า ถ้าข้อมูลทั้งหมดที่รัฐบาลดำเนินการกระจายออกไปจนรับรู้ไปทั่วค่าเงินบาทจะตก เมื่อถามต่อว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นจะเป็นเหตุให้ประเทศต้องกู้เงินกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อีกหรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าว่า ถ้าต้องกู้ ไม่ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่หรือใครจะเข้ามา มันก็ต้องกู้ เพราะสถานะถังแตกกำลังจะแตกดังโพละ จากผลงาน 5 ปี ของรัฐบาล ซึ่งวิกฤติที่เกิดขึ้นจะจากวิกฤติปี 2540 โดยวิกฤติครั้งนี้ปัญหาหนี้ทั้งหมดจะเป็นเงินก้อนเล็กจากคนจำนวนมาก หลายสิบล้านคนซึ่งจะแก้ไขยากกว่า อีกทั้งรัฐบาลใช้หนี้ให้ธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) และธนาคารโลก รวมกันหลายหมื่นล้านบาท ก่อนกำหนดเพื่อสร้างภาพและยังยอมเสียค่าปรับที่จ่ายก่อนกำหนดโดยเป็นจำนวนที่ไม่ยอมเปิดเผย ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่คืนเงินเอดีบีเมื่อกลางปี 2546 อย่างน้อยประเทศไทยจะต้องเหลือเงินประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทที่จะแก้ปัญหาขณะนี้ได้