รมช.คลังยันกระแสเงินสดรัฐไม่มีปัญหาสามารถใช้จ่ายได้อีก 14 วัน ก่อนที่จะมีรายได้ของรัฐเข้ามาอีกจำนวนมากในวันที่ 15 มั่นใจไม่รุนแรงถึงขึ้นต้องปรับเพิ่มวงเงินตั๋วเงินคลังที่ตั้งไว้ 80,000 ล้านบาท ด้าน"สมชัย"ระบุเป็นเรื่องปกติของการจ่ายเงินในช่วงต้นปีงบประมาณจะจ่ายเงินมากกว่ารายรับ จึงมีกระแสเงินสดขาดดุล แต่จะเริ่มเกินดุลในช่วงกลางปีเป็นต้นไป
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่ายอดเงินคงคลังของรัฐบาลมีปัญหานั้น ยืนยันว่าเงินคงคลังยังเพียงพอต่อการใช้จ่ายได้ 14 วัน ถึงแม้จะยื่นฎีกาเบิกจ่ายช่วงนี้จำนวนมาก และทำให้มีปัญหาอาจติดขัดบ้างเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นในวันที่ 15 ก็จะมีเงินรายได้ของรัฐบาลเข้ามาจำนวนมาก ดังนั้น คงไม่มีปัญหารุนแรงถึงขั้นต้องตัดงบประมาณรายจ่าย ที่สำคัญคงไม่จำเป็นต้องปรับเพิ่มวงเงินตั๋วเงินคลังที่ตั้งไว้ 80,000 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว จึงขอให้หน่วยราชการสบายใจในการตั้งฎีกาเข้ามาเบิกเงิน โดยรัฐบาลจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2549 แบบสมดุล และออกตั๋วเงินคลังเพื่อสำรองไว้ใช้จ่าย เพราะเป็นการกู้ระยะสั้นแทนการออกพันธบัตรกู้เงินชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่มีต้นทุนสูงกว่า
ขณะที่ นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงการคลังมีปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากในช่วงต้นปีงบประมาณ กระแสเงินสดจ่ายจะสูงกว่ากระแสเงินสดรับ ซึ่งเป็นการดำเนินการปกติของการเบิกจ่ายงบประมาณในทุกปีอยู่แล้ว นับว่าไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดยในช่วงต้นปีงบประมาณ 2549 มีรายได้ภาษีและรายได้อื่นเข้ามาน้อยกว่ารายจ่ายเฉลี่ย 800 ล้านบาทต่อวันทำการ ขณะที่ปีงบประมาณ 2548 มีรายได้เข้ามาน้อยกว่ารายจ่ายประมาณ 600 ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังเบิกจ่ายเป็นกระแสเงินสดจ่ายเข้ามาทั้งส่วนราชการจากเงินเดือน เงินบำเหน็จ บำนาญ และภาคเอกชน ที่รับเหมาก่อสร้าง รวมถึงงบประมาณเหลื่อมปีในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2549 ประมาณวันละ 6,600 ล้านบาท ขณะที่มีกระแสเงินสดรับจากรายได้ภาษีและรายได้อื่นประมาณ 5,800 ล้านบาท จึงทำให้ขาดดุลเงินสดประมาณวันละ 800 ล้านบาท
แต่หลังจากช่วงเดือนเมษายนไปแล้วจะมีกระแสเงินสดเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงการจ่ายภาษีของประชาชนในช่วงเดือนมีนาคม และการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลในช่วงเดือนพฤษภาคมที่จะเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้จากนั้นเมื่อมีรายได้ภาษีจากส่วนต่าง ๆ เงินรายได้จากรัฐวิสาหกิจ และส่วนอื่น ๆ กระแสเงินสดรับก็จะสูงกว่ากระแสเงินสดจ่ายในช่วงปลายปีงบประมาณ จึงขอยืนยันว่าการเบิกจ่ายของส่วนต่าง ๆ จะไม่มีปัญหา แม้ในช่วงนี้จะมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายบ้าง จากเดิมจะเบิกเงินได้ 1-3 วันทำการ ยืนยันว่าจะสามารถเบิกเงินได้ 3-7 วันทำการ โดยเงินก้อนเล็ก ๆ จะเบิกได้ภายใน 3 วัน ส่วนเงินก้อนใหญ่จะเบิกได้ประมาณ 7 วัน จากนั้นก็จะเข้าสู่ปกติ และยอดการจัดเก็บภาษีจากช่วงต้นปีงบประมาณยังเกินเป้าหมาย 7,000 ล้านบาท และเงินคงคลังก็ยังมีอยู่ 40,000 ล้านบาท ซึ่งรองรับการเบิกจ่ายได้ 14 วันทำการ ซึ่งเกินมาตรฐานของการเบิกจ่ายงบประมาณ
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2549 หลังจากรัฐบาลได้เร่งให้เบิกจ่าย ทำให้ส่วนราชการต่าง ๆ ตั้งเบิกจ่ายเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้น สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักบริหารหนี้สาธารณะ จึงได้ร่วมกันหาแนวทางให้การเบิกจ่ายมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้หน่วยงานต่าง ๆ เบิกงบประมาณซึ่งเป็นโครงการใหญ่เป็นเงินจำนวนมากเบิกไปกองไว้ และหารายได้จากการนำเงินไปฝากไว้เพื่อรับดอกเบี้ยเพิ่ม แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องการให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งเบิกจ่ายเช่นกัน แต่กระทรวงการคลังยืนยันว่าไม่มีปัญหาในการเบิกจ่ายงบประมาณ