ผู้ซื้อจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา บินตรงร่วมงานเทรดแฟร์วันแรก ด้านผู้ประกอบการประกาศความพร้อมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หวังกรุยทางขยายตลาดอินเตอร์ เผยเทรนด์เสื้อผ้าปีนี้เน้นฟังค์ชั่นการใช้งานมากกว่าความหวือหวา ด้านอัญมณีเครื่องประดับพลอยมาแรง ส่วนเครื่องหนังแข่งกันที่ฝีมือและการออกแบบ
งานบางกอก แฟชั่น วีค( Bangkok Fashion Week 2006) ในปีนี้มีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมแสดงสินค้าเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน รวมผู้ประกอบการทั้งสิ้นกว่า 130 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการรายใหม่ถึง 77 รายด้วยกัน
นางสาวประวรา ปวโรฬารวิทยา Design & Marketing Director จาก Boutique New City ผู้ผลิตเสื้อผ้ายี่ห้อ Flip หนึ่งในผู้ประกอบการที่นำเสื้อผ้ามาจัดแสดง กล่าวว่า “Flip เป็นเสื้อผ้าแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว เน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารูปลักษณ์ ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘ฟังค์ชั่นต้องคู่กับแฟชั่น’ โดยเอกลักษณ์ของเสื้อผ้ายี่ห้อ Flip ก็คือ ผู้สวมใส่สามารถใส่ได้สองด้านทุกชิ้น ดังนั้นหากมีเสื้อผ้าเพียงแค่ 2 ชิ้น ก็จะทำให้ได้ชุดที่แตกต่างกันถึง 4 ชุด”
“เรามุ่งเน้นเจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว เพราะว่าเสื้อผ้าของเราใส่กลับหน้ากลับหลังได้ ทำให้ไม่ต้องพกเสื้อผ้าหลายชุด ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายดีมาก โดยเฉพาะลูกค้าจากทางญี่ปุ่นและประเทศทางแถบยุโรป เช่น ฮังการี”
ด้านผู้ประกอบการจากแบรนด์ Classic เปิดเผยว่า เสื้อผ้าของ Classic จะออกแนวแขก มีลูกค้าหลักมาจากมาเลเซีย ญี่ปุ่น และฮ่องกง รวมทั้งอีกหลายประเทศแถบยุโรป การออกงาน
ครั้งนี้ก็เพื่อต้องการสร้างแบรนด์ของตนเองให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีแผนตระเวนออกงานทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกหลายงาน เพราะถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งในการสร้างแบรนด์
นายชลัคร ชีวเกษมสุข ผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท ไกซริน จำกัด ซึ่งผลิตเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมของไทยและเน้นการปักลวดลาย กล่าวว่า “การออกงานครั้งนี้มุ่งหวังในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากกว่าการขายสินค้า เพราะว่าสินค้าของทางร้านมีราคาค่อนข้างแพงและส่วนใหญ่จะมีขายให้กับลูกค้าประจำ การมาร่วมออกงานในครั้งนี้เพราะได้เข้าร่วมโครงการ T-Det ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งอบรมให้ผู้ประกอบการให้รู้จักการสร้างแบรนด์และการออกแบบ”
ด้านผู้ประกอบการจากภาคอุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณี กล่าวว่า การมาออกงานครั้งนี้ เป็นโอกาสดีที่ได้นำเสนอผลงานของทางร้านสู่สายตาลูกค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในฝีมือและสั่งซื้อในภายหลังได้ นอกจากนั้นยังได้เห็นถึงความเคลื่อนไหวในวงการอุตสาหกรรมอัญมณีอีกด้วย โดยในปีนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่จัดแสดงสินค้า จะเป็นเครื่องประดับที่ทำจากพลอยและทองคำขาว แต่ก็มีการออกแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน
ส่วนผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมเครื่องหนัง จากบริษัทซีสตาร์ กล่าวว่า การแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้จะเน้นที่ฝีมือและการออกแบบมากกว่าหนังที่ใช้ในการผลิตสินค้า ในการออกงานครั้งที่แล้วทำให้แบรนด์ของทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้นและมีคำสั่งซื้อเข้ามาหลังจากการออกงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในงานนี้อีกครั้ง โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของทางซีสตาร์จะมาจากแถบยุโรปและอเมริกา