อธิบดีกรมการค้าภายในประกาศราคากลางขายปลีกน้ำตาลทรายใหม่ โดยเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงจะอยู่ที่ 16-17.50 บาท/กิโลกรัมแล้วแต่ประเภทของน้ำตาล ส่วนต่างจังหวัดบวกค่าขนส่ง แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 18.75 บาท/กิโลกรัม ยืนยันอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำตาลทรายได้รับผลกระทบไม่มาก จึงไม่ควรใช้เป็นข้ออ้างในการขึ้นราคา
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย ณ โรงงานอีกกิโลกรัมละ 3 บาท มีผลราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ต้องมีการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายใหม่ กกร. จึงได้มีมติเห็นชอบกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายใหม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว โดยราคาจำหน่าย ณ โรงงาน กระสอบละ 50 กก. (ราคารวมกระสอบ ส่งมอบ ณ โรงงานทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร) ของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จากกระสอบละ 642.00 บาท เป็น 802.50 บาท น้ำตาลทรายขาว จากกระสอบละ 588.50 บาท เป็น 749.00 บาท
น้ำตาลทรายสีรำ จากกระสอบละ 585.50 บาท เป็น 749.00 บาท ราคาจำหน่ายส่ง กระสอบละ 50 กก. (ราคารวมกระสอบ ส่งมอบ ณ สถานที่จำหน่ายของผู้จำหน่ายส่งทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร) ของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จากกระสอบละ 676.775 บาท เป็น 837.25 บาท น้ำตาลทรายขาว จากกระสอบละ 623.275 บาท เป็น 783.75 บาท น้ำตาลทรายสีรำ จากกระสอบละ 609.90 บาท เป็น 770.50 บาท
ส่วนราคาจำหน่ายปลีกในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร (รวมภาชนะบรรจุ) ของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จากกิโลกรัมละ 14.25 บาท เป็น 17.50 บาท น้ำตาลทรายขาว จากกิโลกรัมละ 13.25 บาท เป็น 16.50 บาท น้ำตาลทรายสีรำ จากกิโลกรัมละ 12.75 บาท เป็น 16.00 บาท ส่วนในต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ไกล เช่น ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ราคากลางแนะนำน้ำตาลทรายจะอยู่ที่ 18-18.75 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายใหม่กรมการค้าภายในจะได้ประสานกับคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กจร.) ทุกจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นประธานเป็นผู้พิจารณาออกประกาศกำหนดราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายในแต่ละจังหวัดกันเอง หากจังหวัดไหนพิจารณาแล้วเห็นว่าราคาจำหน่ายจะสูงกว่าราคาแนะนำจะต้องมีเหตุผลเพียงพอ เพื่อเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณาต่อไป
“เชื่อว่าการประกาศราคากลางจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายครั้งนี้ หากดูไปแล้วในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงราคาสูงขึ้น 3.25 บาทต่อกิโลกรัม โดยจำหน่ายอยู่ที่ 17.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ในต่างจังหวัดที่มีการปรับราคาไปก่อนหน้านี้จะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.50-2 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเห็นว่าเป็นการปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนักและเชื่อว่าไม่น่าจะมีราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายถึง 20-25 บาทต่อกิโลกรัม ตามที่หลายฝ่ายกังวลกัน และเพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายแต่ละชนิดสูงเกินจริง กรมการค้าภายในจะจัดส่งสายตรวจออกตรวจสอบอย่างเข้มงวดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค หากพบมีการฉวยโอกาสจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเฉียบขาด และหากประชาชนพบเห็นการฉวยโอกาสสามารถแจ้งได้ที่ Hotline แม่บ้าน 1569” นายศิริพล กล่าว
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า สำหรับราคาน้ำตาลทรายจำหน่ายปลีกที่กำหนดใหม่ กกร.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคให้น้อยที่สุด และกรมการค้าภายในจะเข้มงวดในการตรวจสอบไม่ให้มีการจำหน่ายน้ำตาลทรายสูงกว่าราคาที่กำหนดใหม่ ส่วนผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าเพื่อการบริโภค เช่น น้ำอัดลม ผลไม้กระป๋อง นม และอื่น ๆ ยังเห็นว่าได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งกรมการค้าภายในมีสูตรการคำนวณต้นทุนของสินค้าแต่ละชนิดที่ใช้วัตถุดิบจากน้ำตาลทรายไว้แล้ว และขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใดที่เสนอขอปรับราคาจากผลกระทบน้ำตาลทรายมาให้กรมการค้าภายในพิจารณา แต่มีการเสนอขอปรับราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุผลอื่นต่อกรมการค้าภายในจำนวน 22 รายการเมื่อกลางปีที่ผ่านมาจนถึงช่วงเดือนมกราคมปีนี้เท่านั้น ที่สำคัญช่วงนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้ามาผลิตบางรายการมีราคาลดลง จึงไม่เห็นว่าการผลิตสินค้าจะได้รับผลกระทบด้านต้นทุนอะไรและแนวโน้มราคาน้ำมันก็มีโอกาสปรับลดลง แต่หากผู้ประกอบการรายไหนเห็นว่าได้รับผลกระทบก็เสนอมายังกรมการค้าภายในได้ ซึ่งจะพิจารณาด้วยความเป็นธรรม
นายศิริพล กล่าวด้วยว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบร้านค้าขายข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว หรือแม้แต่ขนมหวานแม้ได้รับผลกระทบ แต่ไม่มากนัก จึงเห็นว่าไม่ควรที่จะปรับราคาขายสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภค รวมถึงร้านจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมทั่วไป ก็ได้กำชับให้ผู้ผลิตน้ำอัดลมช่วยดูแลตัวแทนจำหน่ายน้ำอัดลมรายย่อยไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างราคาน้ำตาลทรายขึ้นแล้วจำหน่ายราคาสูงขึ้น
ทั้งนี้ ราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบด้านต้นทุนจากการที่น้ำตาลทรายปรับราคาขึ้นในครั้งนี้ นมข้นหวานขนาด 397 กรัมต่อกระป๋อง กระทบต้นทุนร้อยละ 2.83 หรือคิดเป็นเงิน 58 สตางค์ต่อกระป๋อง นมสด เช่น ยูเอสทีรสปรุงแต่งขนาด 250 ซีซีต่อกล่อง กระทบต้นทุนร้อยละ 0.46 หรือคิดเป็นเงินเพียง 0.040 บาท นมสดพาสเจอร์ไรซ์รสปรุงแต่งขนาด 830 ซีซีต่อขวดกระทบต่อต้นทุนร้อยละ 0.39 หรือคิดเป็นเงินเพียง 0.122 บาท น้ำอัดลมขนาด 280 ซีซีต่อขวดกระทบต่อต้นทุนร้อยละ 1.29 หรือคิดเป็นเงินเพียง 0.090 บาท ขนาด 1 ลิตรต่อขวดกระทบต่อต้นทุนร้อยละ 2.02 หรือคิดเป็นเงินเพียง 0.323 บาท ผลไม้กระป๋อง เช่น เงาะขนาด 565 กรัมต่อกระป๋องกระทบต่อต้นทุนร้อยละ 0.87 คิดเป็นเงินเพียง 0.399 บาท
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย ณ โรงงานอีกกิโลกรัมละ 3 บาท มีผลราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ต้องมีการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายใหม่ กกร. จึงได้มีมติเห็นชอบกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายใหม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว โดยราคาจำหน่าย ณ โรงงาน กระสอบละ 50 กก. (ราคารวมกระสอบ ส่งมอบ ณ โรงงานทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร) ของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จากกระสอบละ 642.00 บาท เป็น 802.50 บาท น้ำตาลทรายขาว จากกระสอบละ 588.50 บาท เป็น 749.00 บาท
น้ำตาลทรายสีรำ จากกระสอบละ 585.50 บาท เป็น 749.00 บาท ราคาจำหน่ายส่ง กระสอบละ 50 กก. (ราคารวมกระสอบ ส่งมอบ ณ สถานที่จำหน่ายของผู้จำหน่ายส่งทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร) ของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จากกระสอบละ 676.775 บาท เป็น 837.25 บาท น้ำตาลทรายขาว จากกระสอบละ 623.275 บาท เป็น 783.75 บาท น้ำตาลทรายสีรำ จากกระสอบละ 609.90 บาท เป็น 770.50 บาท
ส่วนราคาจำหน่ายปลีกในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร (รวมภาชนะบรรจุ) ของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จากกิโลกรัมละ 14.25 บาท เป็น 17.50 บาท น้ำตาลทรายขาว จากกิโลกรัมละ 13.25 บาท เป็น 16.50 บาท น้ำตาลทรายสีรำ จากกิโลกรัมละ 12.75 บาท เป็น 16.00 บาท ส่วนในต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ไกล เช่น ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ราคากลางแนะนำน้ำตาลทรายจะอยู่ที่ 18-18.75 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายใหม่กรมการค้าภายในจะได้ประสานกับคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กจร.) ทุกจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นประธานเป็นผู้พิจารณาออกประกาศกำหนดราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายในแต่ละจังหวัดกันเอง หากจังหวัดไหนพิจารณาแล้วเห็นว่าราคาจำหน่ายจะสูงกว่าราคาแนะนำจะต้องมีเหตุผลเพียงพอ เพื่อเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณาต่อไป
“เชื่อว่าการประกาศราคากลางจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายครั้งนี้ หากดูไปแล้วในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงราคาสูงขึ้น 3.25 บาทต่อกิโลกรัม โดยจำหน่ายอยู่ที่ 17.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ในต่างจังหวัดที่มีการปรับราคาไปก่อนหน้านี้จะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.50-2 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเห็นว่าเป็นการปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนักและเชื่อว่าไม่น่าจะมีราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายถึง 20-25 บาทต่อกิโลกรัม ตามที่หลายฝ่ายกังวลกัน และเพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายแต่ละชนิดสูงเกินจริง กรมการค้าภายในจะจัดส่งสายตรวจออกตรวจสอบอย่างเข้มงวดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค หากพบมีการฉวยโอกาสจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเฉียบขาด และหากประชาชนพบเห็นการฉวยโอกาสสามารถแจ้งได้ที่ Hotline แม่บ้าน 1569” นายศิริพล กล่าว
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า สำหรับราคาน้ำตาลทรายจำหน่ายปลีกที่กำหนดใหม่ กกร.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคให้น้อยที่สุด และกรมการค้าภายในจะเข้มงวดในการตรวจสอบไม่ให้มีการจำหน่ายน้ำตาลทรายสูงกว่าราคาที่กำหนดใหม่ ส่วนผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าเพื่อการบริโภค เช่น น้ำอัดลม ผลไม้กระป๋อง นม และอื่น ๆ ยังเห็นว่าได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งกรมการค้าภายในมีสูตรการคำนวณต้นทุนของสินค้าแต่ละชนิดที่ใช้วัตถุดิบจากน้ำตาลทรายไว้แล้ว และขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใดที่เสนอขอปรับราคาจากผลกระทบน้ำตาลทรายมาให้กรมการค้าภายในพิจารณา แต่มีการเสนอขอปรับราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุผลอื่นต่อกรมการค้าภายในจำนวน 22 รายการเมื่อกลางปีที่ผ่านมาจนถึงช่วงเดือนมกราคมปีนี้เท่านั้น ที่สำคัญช่วงนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้ามาผลิตบางรายการมีราคาลดลง จึงไม่เห็นว่าการผลิตสินค้าจะได้รับผลกระทบด้านต้นทุนอะไรและแนวโน้มราคาน้ำมันก็มีโอกาสปรับลดลง แต่หากผู้ประกอบการรายไหนเห็นว่าได้รับผลกระทบก็เสนอมายังกรมการค้าภายในได้ ซึ่งจะพิจารณาด้วยความเป็นธรรม
นายศิริพล กล่าวด้วยว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบร้านค้าขายข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว หรือแม้แต่ขนมหวานแม้ได้รับผลกระทบ แต่ไม่มากนัก จึงเห็นว่าไม่ควรที่จะปรับราคาขายสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภค รวมถึงร้านจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมทั่วไป ก็ได้กำชับให้ผู้ผลิตน้ำอัดลมช่วยดูแลตัวแทนจำหน่ายน้ำอัดลมรายย่อยไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างราคาน้ำตาลทรายขึ้นแล้วจำหน่ายราคาสูงขึ้น
ทั้งนี้ ราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบด้านต้นทุนจากการที่น้ำตาลทรายปรับราคาขึ้นในครั้งนี้ นมข้นหวานขนาด 397 กรัมต่อกระป๋อง กระทบต้นทุนร้อยละ 2.83 หรือคิดเป็นเงิน 58 สตางค์ต่อกระป๋อง นมสด เช่น ยูเอสทีรสปรุงแต่งขนาด 250 ซีซีต่อกล่อง กระทบต้นทุนร้อยละ 0.46 หรือคิดเป็นเงินเพียง 0.040 บาท นมสดพาสเจอร์ไรซ์รสปรุงแต่งขนาด 830 ซีซีต่อขวดกระทบต่อต้นทุนร้อยละ 0.39 หรือคิดเป็นเงินเพียง 0.122 บาท น้ำอัดลมขนาด 280 ซีซีต่อขวดกระทบต่อต้นทุนร้อยละ 1.29 หรือคิดเป็นเงินเพียง 0.090 บาท ขนาด 1 ลิตรต่อขวดกระทบต่อต้นทุนร้อยละ 2.02 หรือคิดเป็นเงินเพียง 0.323 บาท ผลไม้กระป๋อง เช่น เงาะขนาด 565 กรัมต่อกระป๋องกระทบต่อต้นทุนร้อยละ 0.87 คิดเป็นเงินเพียง 0.399 บาท