“นีเวีย ซัน” คาดการณ์ตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดปีนี้คึกคักเชื่อตลาดรวมโต 10% หลังปีที่แล้วตลาดอืด เพราะเจอพิษคลื่นสึนามิถล่ม พบข้อมูลคนไทยยังใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด 54% และอีก 45% ไม่กล้าใช้เพราะครีมเหนียว ล่าสุดส่งสินค้าสูตรใหม่ 2 รายการรุกตลาดเต็มสูบ พร้อมอัดงบการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 70 ล้านบาท คาดสิ้นปียอดขายโต 20% และรักษาแท่นผู้นำตลาดด้วยแชร์ 40% จากตลาดรวม 740 ล้านบาท
นางสุวรรณี ศรีธัญญะโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนีเวีย เปิดเผยว่า ตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดในปีนี้บริษัทฯคาดว่าตลาดโดยรวมจะโต 10% จากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น โดยตลาดรวมปีที่แล้วไม่โต เนื่องจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิถล่ม จึงทำให้คนไทยไม่อยากเที่ยวและนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เดินทางมาพักผ่อนน้อยลง
ทั้งนี้จากข้อมูลของเอซี นีลสันพบว่าผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด คิดเป็น 54% จากประชากรกลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านคน โดยผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดจะมีอายุ 25 -45 ปี หรืออยู่ในกลุ่มระดับเอ บี และซี และอีก 45% ไม่กล้าใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด เนื่องจากมีความเหนียวเหนอะหนะ
ดังนั้นบริษัทฯจึงมองเห็นช่องว่างทางตลาดจึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กันแดดสูตรใหม่ “นีเวีย ซัน มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง ซัน โลชั่น เอสพีเอฟ 50” ขนาด 125 มล. ราคา 340 บาท และ “นีเวีย ซัน ไวท์เทนนิ่ง ซัน โลชั่น เอสพีเอฟ 50” ขนาด 125 มล. ราคา 363 บาท เพื่อเจาะกลุ่มคนที่ต้องการปกป้องผิวจากแสงแดด และต้องการปรับผิวให้ขาวขึ้น ซึ่งเนื้อโลชั่นสูตรใหม่นี้จะไม่เหนียวเหนอะหนะและถือเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวไวท์เทนนิ่งซันบล็อกสำหรับผิวกายในตลาดไทย โดยในปีนี้บริษัทฯคาดว่าสัดส่วนตัวเลขผู้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดจะเปลี่ยนไปเป็น 60%
สำหรับงบทางการตลาดในปีนี้ของนีเวีย ซันใช้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งถือว่าใช้มากขึ้นจากปีที่แล้วที่ใช้ประมาณ 30-40 ล้านบาท เนื่องจากต้องใช้งบในการทำตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้ โดยจะมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ,ให้ทดลองใช้สินค้าตัวอย่าง และแจกนีเวีย เทสติ้ง การ์ด (เครื่องมือที่ใช้ทดสอบการปกป้องแสงยูวีกับผลิตภัณฑ์กันแดด) จำนวน 1 ล้านชิ้น
“ปีนี้เราจะมีนวัตกรรมใหม่ๆออกมา รวมถึงการจัดอีเวนต์มากขึ้น ส่วนราคาสินค้ายังเท่าเดิมไม่มีการปรับถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดีก็ตาม แต่ปรับขนาดสินค้าผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดบางตัวให้มีขนาดเล็กลงจาก 150 มล. เหลือ 125 มล. เนื่องจากผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เป็นซีซันนอลจึงอยากให้ลูกค้าพกพาได้สะดวก ปัจจุบันนีเวีย ซันมีอยู่หลายกลุ่ม เช่น โลชั่น, ไวท์เทนนิ่ง, คิดส์, ผิวหน้า ,สเปรย์ และหลังแดด”
สำหรับยอดรายได้ของผลิตภัณฑ์นีเวียรวมทั้งหมดคาดว่าจะเติบโต 10% ขณะที่ยอดรายได้ปีที่แล้วนีเวียโต 11% ในส่วนของนีเวีย ซัน ซึ่งมีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของนีเวียทั้งหมด ปีนี้คาดว่าจะโต 20%
ตลาดรวมผลิตภัณฑ์กันแดดในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 740 ล้านบาท โดยนีเวีย ซันเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 40% หรือคิดเป็นมูลค่า 290 ล้านบาท โดยปีที่แล้วนีเวีย ซันมีแชร์ 38% ส่วนตลาดรวมของโลชั่นหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท ปีที่แล้วตลาดรวมโต 10% แต่ปีนี้คาดว่าจะไม่โตหรือโตน้อย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีและปัญหาภายในประเทศ
นางสุวรรณี ศรีธัญญะโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนีเวีย เปิดเผยว่า ตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดในปีนี้บริษัทฯคาดว่าตลาดโดยรวมจะโต 10% จากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น โดยตลาดรวมปีที่แล้วไม่โต เนื่องจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิถล่ม จึงทำให้คนไทยไม่อยากเที่ยวและนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เดินทางมาพักผ่อนน้อยลง
ทั้งนี้จากข้อมูลของเอซี นีลสันพบว่าผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด คิดเป็น 54% จากประชากรกลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านคน โดยผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดจะมีอายุ 25 -45 ปี หรืออยู่ในกลุ่มระดับเอ บี และซี และอีก 45% ไม่กล้าใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด เนื่องจากมีความเหนียวเหนอะหนะ
ดังนั้นบริษัทฯจึงมองเห็นช่องว่างทางตลาดจึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กันแดดสูตรใหม่ “นีเวีย ซัน มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง ซัน โลชั่น เอสพีเอฟ 50” ขนาด 125 มล. ราคา 340 บาท และ “นีเวีย ซัน ไวท์เทนนิ่ง ซัน โลชั่น เอสพีเอฟ 50” ขนาด 125 มล. ราคา 363 บาท เพื่อเจาะกลุ่มคนที่ต้องการปกป้องผิวจากแสงแดด และต้องการปรับผิวให้ขาวขึ้น ซึ่งเนื้อโลชั่นสูตรใหม่นี้จะไม่เหนียวเหนอะหนะและถือเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวไวท์เทนนิ่งซันบล็อกสำหรับผิวกายในตลาดไทย โดยในปีนี้บริษัทฯคาดว่าสัดส่วนตัวเลขผู้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดจะเปลี่ยนไปเป็น 60%
สำหรับงบทางการตลาดในปีนี้ของนีเวีย ซันใช้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งถือว่าใช้มากขึ้นจากปีที่แล้วที่ใช้ประมาณ 30-40 ล้านบาท เนื่องจากต้องใช้งบในการทำตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้ โดยจะมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ,ให้ทดลองใช้สินค้าตัวอย่าง และแจกนีเวีย เทสติ้ง การ์ด (เครื่องมือที่ใช้ทดสอบการปกป้องแสงยูวีกับผลิตภัณฑ์กันแดด) จำนวน 1 ล้านชิ้น
“ปีนี้เราจะมีนวัตกรรมใหม่ๆออกมา รวมถึงการจัดอีเวนต์มากขึ้น ส่วนราคาสินค้ายังเท่าเดิมไม่มีการปรับถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดีก็ตาม แต่ปรับขนาดสินค้าผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดบางตัวให้มีขนาดเล็กลงจาก 150 มล. เหลือ 125 มล. เนื่องจากผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เป็นซีซันนอลจึงอยากให้ลูกค้าพกพาได้สะดวก ปัจจุบันนีเวีย ซันมีอยู่หลายกลุ่ม เช่น โลชั่น, ไวท์เทนนิ่ง, คิดส์, ผิวหน้า ,สเปรย์ และหลังแดด”
สำหรับยอดรายได้ของผลิตภัณฑ์นีเวียรวมทั้งหมดคาดว่าจะเติบโต 10% ขณะที่ยอดรายได้ปีที่แล้วนีเวียโต 11% ในส่วนของนีเวีย ซัน ซึ่งมีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของนีเวียทั้งหมด ปีนี้คาดว่าจะโต 20%
ตลาดรวมผลิตภัณฑ์กันแดดในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 740 ล้านบาท โดยนีเวีย ซันเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 40% หรือคิดเป็นมูลค่า 290 ล้านบาท โดยปีที่แล้วนีเวีย ซันมีแชร์ 38% ส่วนตลาดรวมของโลชั่นหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท ปีที่แล้วตลาดรวมโต 10% แต่ปีนี้คาดว่าจะไม่โตหรือโตน้อย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีและปัญหาภายในประเทศ