ส.อ.ท. จับมือเอ็กซิม แบงก์ ส่งเสริมด้านการเงิน เพื่อเพิ่มศักยภาพนักลงทุนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีค่าแรงงานต่ำ พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐ จัดกองทุนสนับสนุนเป็นพิเศษ คาดภายในปีนี้จะเริ่มปล่อยกู้ได้ถึง 5,000 ล้านบาท
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังลงนามในบันทึกความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เพื่อสนับสนุนด้านการเงินและการพัฒนาศักยภาพการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในต่างประเทศว่าทั้ง 2 หน่วยงาน จะร่วมกันส่งเสริมให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา เป็นต้น เพราะมีต้นทุนต่ำและมีวัตถุดิบจำนวนมาก โดย ธสน. จะให้การสนับสนุนการจัดหาแหล่งเงินทุน การประกันความเสี่ยงในการลงทุน ส่วน ส.อ.ท.จะจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านต่าง ๆ ทั้งระบบการลงทุน ภาษีอากร และระบบเงิน รวมทั้งการจับคู่ทางธุรกิจด้วยการนำนักลงทุนที่สนใจไปศึกษาลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศ
นายประพัฒน์ กล่าวว่า ในการไปลงทุนในต่างประเทศ ภาคเอกชนยังต้องการได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐบาล ทั้งการประสานงานให้ผ่อนปรนเรื่องการนำเข้าแรงงาน ระบบภาษีอากร การจัดให้มีกองทุนสนับสนุนการลงทุนต่างประเทศโดยตรง รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทั้งจากกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยอุตสาหกรรมที่มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านคืออุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมสิ่งทอ
นายสถาพร ชินะจิตร กรรมการผู้จัดการ ธสน. กล่าวว่า ในปี 2549 นี้ได้เตรียมวงเงินสำหรับให้สินเชื่อไว้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศและการประกันการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่อาจจะถูกยึดกิจการจากการจลาจลหรือการถูกกลั่นแกล้งไม่สมเหตุสมผล ซึ่งขณะนี้ก็มีหลายโครงการมาขอสินเชื่อแล้ว เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินในลาวของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) โรงงานไฟฟ้าถ่านหินในกัมพูชา โรงงานมันสำปะหลังในอินโดนีเซีย เป็นต้น โดยทั้ง 2 หน่วยงาน จะมีการประสานเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านและตลาดอื่นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในประเทศที่มีความได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงานและความพร้อมด้านวัตถุดิบ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดการค้าโลก
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังลงนามในบันทึกความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เพื่อสนับสนุนด้านการเงินและการพัฒนาศักยภาพการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในต่างประเทศว่าทั้ง 2 หน่วยงาน จะร่วมกันส่งเสริมให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา เป็นต้น เพราะมีต้นทุนต่ำและมีวัตถุดิบจำนวนมาก โดย ธสน. จะให้การสนับสนุนการจัดหาแหล่งเงินทุน การประกันความเสี่ยงในการลงทุน ส่วน ส.อ.ท.จะจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านต่าง ๆ ทั้งระบบการลงทุน ภาษีอากร และระบบเงิน รวมทั้งการจับคู่ทางธุรกิจด้วยการนำนักลงทุนที่สนใจไปศึกษาลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศ
นายประพัฒน์ กล่าวว่า ในการไปลงทุนในต่างประเทศ ภาคเอกชนยังต้องการได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐบาล ทั้งการประสานงานให้ผ่อนปรนเรื่องการนำเข้าแรงงาน ระบบภาษีอากร การจัดให้มีกองทุนสนับสนุนการลงทุนต่างประเทศโดยตรง รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทั้งจากกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยอุตสาหกรรมที่มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านคืออุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมสิ่งทอ
นายสถาพร ชินะจิตร กรรมการผู้จัดการ ธสน. กล่าวว่า ในปี 2549 นี้ได้เตรียมวงเงินสำหรับให้สินเชื่อไว้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศและการประกันการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่อาจจะถูกยึดกิจการจากการจลาจลหรือการถูกกลั่นแกล้งไม่สมเหตุสมผล ซึ่งขณะนี้ก็มีหลายโครงการมาขอสินเชื่อแล้ว เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินในลาวของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) โรงงานไฟฟ้าถ่านหินในกัมพูชา โรงงานมันสำปะหลังในอินโดนีเซีย เป็นต้น โดยทั้ง 2 หน่วยงาน จะมีการประสานเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านและตลาดอื่นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในประเทศที่มีความได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงานและความพร้อมด้านวัตถุดิบ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดการค้าโลก