อนุญาโตตุลาการ องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ตัดสินให้สหภาพยุโรป (อียู) ปรับลดภาษีสินค้าไก่หมักเกลือแช่แข็งแก่ไทยภายในวันที่ 27 มิถุนายน 2549 โดยกำหนดอัตราภาษีที่ร้อยละ 15 สำหรับสินค้าเนื้อไก่ตัดแต่งไม่มีกระดูกแช่แข็งที่มีเกลือในอัตรา 1.2-3 ส่วนอัตราภาษีร้อยละ 53 ภายใต้พิกัด 0207 ที่อียูกำหนด เป็นการละเมิดพันธกรณี
รายงานข่าวจากคณะผู้แทนถาวรไทยประจำดับเบิลยูทีโอ แจ้งว่า ตามที่เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2548 ดับเบิลยูทีโอได้ตัดสินให้ไทยและบราซิลชนะอียูในกรณีพิพาทเรื่องไก่หมักเกลือ โดยตัดสินให้อียูต้องกำหนดอัตราภาษีไว้ที่ร้อยละ 15 สำหรับสินค้าเนื้อไก่ตัดแต่งไม่มีกระดูกแช่แข็งที่มีเกลือในอัตราร้อยละ 1.2-3 จากไทยและบราซิล ตามที่ได้ผูกพันไว้ในดับเบิลยูทีโอ ตั้งแต่ปี 2537 และตัดสินว่ามาตรการของอียู ซึ่งเปลี่ยนแปลงจัดให้สินค้าดังกล่าวเสียภาษีในอัตราร้อยละ 53 ภายใต้พิกัด 0207 เป็นการละเมิดพันธกรณีดับเบิลยูทีโอของอียู
ทั้งนี้ ภายใต้กระบวนการระงับข้อพิพาทของดับเบิลยูทีโอ ประเทศสมาชิกผู้แพ้คดีต้องปฏิบัติตามคำตัดสินทันทีหากเป็นไปได้ แต่เนื่องจากอียูอ้างว่าไม่สามารถปรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับคำตัดสินของดับเบิลยูทีโอได้ในทันที ไทยและบราซิลจึงได้พยายามเจรจาระยะเวลาปฏิบัติตามคำตัดสินที่เหมาะสมกับอียู ซึ่งอียูไม่ยอมรับระยะเวลาที่ไทยและบราซิลเสนอ โดยพยายามยื้อระยะเวลาออกไปให้นานที่สุดจนกระทั่งสิ้นปี ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2548 ไทยจึงได้ขอใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการภายใต้ดับเบิลยูทีโอ เพื่อตัดสินระยะเวลาปฏิบัติตามคำตัดสิน โดยไทยได้ขอให้อียูดำเนินการเป็นระยะเวลา 6-8 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2548 ที่ดับเบิลยูทีโอตัดสินให้ไทยและบราซิลชนะคดี) หรือจนกระทั่งวันที่ 27 พฤษภาคม 2549 ในขณะที่อียูได้ต่อรองขอเป็นระยะเวลา 28 เดือน หรือจนกระทั่งวันที่ 27 พฤศจิกายน 2550 โดยอ้างว่าองค์การศุลกากรโลก (WCO) ต้องยืนยันผลการตัดสินของดับเบิลยูทีโอก่อน อียูจึงจะปรับกฎหมายได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2549 นาย James Bacchus แห่งสหรัฐ อดีตประธานองค์กรอุทธรณ์ของดับเบิลยูทีโอ หรืออนุญาโตตุลาการ ได้ตัดสินให้อียูต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของดับเบิลยูทีโอ เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 9 เดือน หรือภายในวันที่ 27 มิถุนายน 2549 โดยคำนวณจากระยะเวลาที่อียูได้พิสูจน์ว่าต้องใช้ในการออกกฎหมายเพื่อปรับพิกัดอัตราภาษีศุลกากรตามกระบวนการปกติ คือ 8 เดือน และให้เวลายืดหยุ่นกับอียู อีก 1 เดือน รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 9 เดือน ทั้งนี้ นาย Bacchus ไม่ได้ให้ระยะเวลาดำเนินการของอียู สำหรับการรอผลการตัดสินของ WCO เนื่องจากอียูไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากฎหมายภายในกำหนดให้ต้องมีคำพิจารณาของ WCO ในเรื่องการจัดสินค้าไก่หมักเกลือเข้าประเภทพิกัดศุลกากรก่อนที่จะปรับพิกัดอัตราภาษีศุลกากรตามคำตัดสินของดับเบิลยูทีโอได้
รายงานข่าวจากคณะผู้แทนถาวรไทยประจำดับเบิลยูทีโอ แจ้งว่า ตามที่เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2548 ดับเบิลยูทีโอได้ตัดสินให้ไทยและบราซิลชนะอียูในกรณีพิพาทเรื่องไก่หมักเกลือ โดยตัดสินให้อียูต้องกำหนดอัตราภาษีไว้ที่ร้อยละ 15 สำหรับสินค้าเนื้อไก่ตัดแต่งไม่มีกระดูกแช่แข็งที่มีเกลือในอัตราร้อยละ 1.2-3 จากไทยและบราซิล ตามที่ได้ผูกพันไว้ในดับเบิลยูทีโอ ตั้งแต่ปี 2537 และตัดสินว่ามาตรการของอียู ซึ่งเปลี่ยนแปลงจัดให้สินค้าดังกล่าวเสียภาษีในอัตราร้อยละ 53 ภายใต้พิกัด 0207 เป็นการละเมิดพันธกรณีดับเบิลยูทีโอของอียู
ทั้งนี้ ภายใต้กระบวนการระงับข้อพิพาทของดับเบิลยูทีโอ ประเทศสมาชิกผู้แพ้คดีต้องปฏิบัติตามคำตัดสินทันทีหากเป็นไปได้ แต่เนื่องจากอียูอ้างว่าไม่สามารถปรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับคำตัดสินของดับเบิลยูทีโอได้ในทันที ไทยและบราซิลจึงได้พยายามเจรจาระยะเวลาปฏิบัติตามคำตัดสินที่เหมาะสมกับอียู ซึ่งอียูไม่ยอมรับระยะเวลาที่ไทยและบราซิลเสนอ โดยพยายามยื้อระยะเวลาออกไปให้นานที่สุดจนกระทั่งสิ้นปี ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2548 ไทยจึงได้ขอใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการภายใต้ดับเบิลยูทีโอ เพื่อตัดสินระยะเวลาปฏิบัติตามคำตัดสิน โดยไทยได้ขอให้อียูดำเนินการเป็นระยะเวลา 6-8 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2548 ที่ดับเบิลยูทีโอตัดสินให้ไทยและบราซิลชนะคดี) หรือจนกระทั่งวันที่ 27 พฤษภาคม 2549 ในขณะที่อียูได้ต่อรองขอเป็นระยะเวลา 28 เดือน หรือจนกระทั่งวันที่ 27 พฤศจิกายน 2550 โดยอ้างว่าองค์การศุลกากรโลก (WCO) ต้องยืนยันผลการตัดสินของดับเบิลยูทีโอก่อน อียูจึงจะปรับกฎหมายได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2549 นาย James Bacchus แห่งสหรัฐ อดีตประธานองค์กรอุทธรณ์ของดับเบิลยูทีโอ หรืออนุญาโตตุลาการ ได้ตัดสินให้อียูต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของดับเบิลยูทีโอ เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 9 เดือน หรือภายในวันที่ 27 มิถุนายน 2549 โดยคำนวณจากระยะเวลาที่อียูได้พิสูจน์ว่าต้องใช้ในการออกกฎหมายเพื่อปรับพิกัดอัตราภาษีศุลกากรตามกระบวนการปกติ คือ 8 เดือน และให้เวลายืดหยุ่นกับอียู อีก 1 เดือน รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 9 เดือน ทั้งนี้ นาย Bacchus ไม่ได้ให้ระยะเวลาดำเนินการของอียู สำหรับการรอผลการตัดสินของ WCO เนื่องจากอียูไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากฎหมายภายในกำหนดให้ต้องมีคำพิจารณาของ WCO ในเรื่องการจัดสินค้าไก่หมักเกลือเข้าประเภทพิกัดศุลกากรก่อนที่จะปรับพิกัดอัตราภาษีศุลกากรตามคำตัดสินของดับเบิลยูทีโอได้