ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานียื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สนับสนุนรัฐฟ้ององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) กับทางสหรัฐ ที่เรียกเก็บภาษีตามมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) สินค้ากุ้งไทยแบบซ้ำซ้อน เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการต่อปีถึงกว่า 2,000 ล้านบาท “ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ” รับลูกเสนอกรมการค้าต่างประเทศส่งหนังสือแจ้งสหรัฐด่วน
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี เปิดเผยหลังยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นตัวแทนรับหนังสือ ซึ่งชมรมผู้เลี้ยงกุ้งทั้ง 6 จังหวัดภาคใต้สนับสนุนให้รัฐบาลไทยยื่นฟ้องดับเบิลยูทีโอ กรณีที่สหรัฐทำผิดกฎดับเบิลยูทีโอเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อน โดยเฉพาะการให้วางเงินค้ำประกันภาษีเอดีล่วงหน้าระยะยาวต่อเนื่อง (ซีบอนด์) ซึ่งซ้ำซ้อนกับภาษีเอดีกุ้งที่สหรัฐมีการเรียกเก็บอยู่ในขณะนี้ ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนต่อปีเพิ่มขึ้นอีกปีละกว่า 2,000 ล้านบาท
“ผู้เลี้ยงกุ้งเห็นว่า สหรัฐไม่มีความจริงใจ แม้จะออกมาพูดว่า จะช่วยเหลือทบทวนการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนให้กับไทย แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา สหรัฐไม่พิจารณาหรือทบทวนภาษีซ้ำซ้อนให้ไทย ทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จึงถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลไทยจะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมทางการค้าจากสหรัฐ และเห็นด้วยที่ควรยื่นฟ้องต่อดับเบิลยูทีโอที่สหรัฐทำผิดกฎการค้าโลกครั้งนี้” นายเอกพจน์ กล่าว
ด้านนายปรีชา กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เองไม่ได้นิ่งนอนใจ และเท่าที่ได้รับฟังมา ทางสหรัฐเตรียมที่จะพิจารณาการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนให้เป็นการทั่วไปภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ดังนั้นจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้ทางกรมการค้าต่างประเทศของไทยไปประสานและเสนอเรื่องนี้ผ่านต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยและทางรัฐบาลสหรัฐต่อไป ซึ่งในช่วงที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือและชี้แจงต่อเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยไปบ้างแล้ว ซึ่งเห็นว่าการเรียกเก็บภาษี หรือการวางค้ำประกันสินค้ากุ้ง เป็นต้นทุนที่ทางผู้ประกอบการไทยได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี เปิดเผยหลังยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นตัวแทนรับหนังสือ ซึ่งชมรมผู้เลี้ยงกุ้งทั้ง 6 จังหวัดภาคใต้สนับสนุนให้รัฐบาลไทยยื่นฟ้องดับเบิลยูทีโอ กรณีที่สหรัฐทำผิดกฎดับเบิลยูทีโอเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อน โดยเฉพาะการให้วางเงินค้ำประกันภาษีเอดีล่วงหน้าระยะยาวต่อเนื่อง (ซีบอนด์) ซึ่งซ้ำซ้อนกับภาษีเอดีกุ้งที่สหรัฐมีการเรียกเก็บอยู่ในขณะนี้ ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนต่อปีเพิ่มขึ้นอีกปีละกว่า 2,000 ล้านบาท
“ผู้เลี้ยงกุ้งเห็นว่า สหรัฐไม่มีความจริงใจ แม้จะออกมาพูดว่า จะช่วยเหลือทบทวนการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนให้กับไทย แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา สหรัฐไม่พิจารณาหรือทบทวนภาษีซ้ำซ้อนให้ไทย ทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จึงถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลไทยจะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมทางการค้าจากสหรัฐ และเห็นด้วยที่ควรยื่นฟ้องต่อดับเบิลยูทีโอที่สหรัฐทำผิดกฎการค้าโลกครั้งนี้” นายเอกพจน์ กล่าว
ด้านนายปรีชา กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เองไม่ได้นิ่งนอนใจ และเท่าที่ได้รับฟังมา ทางสหรัฐเตรียมที่จะพิจารณาการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนให้เป็นการทั่วไปภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ดังนั้นจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้ทางกรมการค้าต่างประเทศของไทยไปประสานและเสนอเรื่องนี้ผ่านต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยและทางรัฐบาลสหรัฐต่อไป ซึ่งในช่วงที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือและชี้แจงต่อเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยไปบ้างแล้ว ซึ่งเห็นว่าการเรียกเก็บภาษี หรือการวางค้ำประกันสินค้ากุ้ง เป็นต้นทุนที่ทางผู้ประกอบการไทยได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก