แม้ว่าการตลาดต้องการความคิดสร้างสรรค์ก็จริง แต่ในบางครั้งนักการตลาดก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการหากินกับของเก่า ซึ่งมีหลากหลายวิธี
* ลองย้อนกลับไปดูว่ามีการส่งเสริมการตลาดเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา การส่งเสริมการขาย หรือการจัดกิจกรรมพิเศษที่มีความสำเร็จในระดับที่สูง แล้วลองนำมาพิจารณาปัดฝุ่นใช้อีกที อาจจะไม่เอารายละเอียดมาใช้ทั้งหมด อาจจะเอามาแต่แก่นความคิด แล้วปรับรายละเอียดให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน โฆษณาบางชิ้นอาจจะถูกยกเลิกไปเพราะคนทำงานการตลาดรู้สึกเบื่อ และอยากจะทำอะไรใหม่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป โฆษณาชิ้นนั้นจะมีเสน่ห์เพราะความเป็นของเก่าที่ดูดีแบบไร้กาลเวลา (Classic) และมีมนต์แห่งความเป็นอดีตที่ตราตรึง (Nostalgia) บางครั้งเสน่ห์เกิดจากเพลงโฆษณา (Jingle) บางครั้งเกิดจากตัวแสดง นอกจากโฆษณาแล้วบางทีการส่งเสริมการขายในรูปแบบของแถมหรือการชิงโชคที่เคยเป็นที่ฮือฮาอาจจะนำกลับมาสร้างความโด่งดังให้กับกิจกรรมการตลาดได้ ถ้ามีนักประชาสัมพันธ์เก่งๆ สร้างมุมของข่าวได้แหลมคน การนำเอาอดีตที่รุ่งโรจน์หวนกลับสู่สังเวียนการตลาดก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับสื่อ ทำให้ได้การเผยแพร่ฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงิน กิจกรรมการประกวด การแข่งขัน การชุมนุมบางอย่างที่เคยทำมาแล้วเลิกไปท่ามกลางความเสียดายของผู้บริโภคนั้น บางครั้งก็เอากลับมาสร้างความน่าสนใจให้สินค้าได้ ดังนั้นนักการตลาดต้องหาเวลาทบทวนวิธีการส่งเสริมการตลาดเก่าๆที่เคยประสบความสำเร็จเอามาใช้ ไม่ต้องรังเกียจว่าเป็นความคิดของผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนเก่า ถ้าหากคิดว่าใช้ได้ก็ควรนำมาปัดฝุ่น ปรับสิ่งที่ต้องปรับให้เหมาะสม แล้วยิ้มรับความสำเร็จ
หลักการที่ว่านี้ไม่ต่างไปจากการนำเอาหนังดัง ละครดังในอดีตมาสร้างใหม่ แก่น (Theme) ของเรื่องยังเหมือนเดิม โครงสร้างของเรื่อง (Plot) ยังเหมือนเดิม แต่รายละเอียดของสถานที่ บทสนทนา เทคนิคในการถ่ายทำ ในการตัดต่อ ดนตรีประกอบ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคสมัย ก็สามารถทำให้หนังเก่าเอามาทำใหม่ ละครเก่าเอามาทำใหม่ ทำเงินให้กับคนที่รู้จักเอาของเก่ามาปัดฝุ่นได้ไม่น้อย ยุคนี้เป็นยุคการตลาดย้อนยุค (Retro marketing) ที่นิยมหันไปหาของเก่าที่มีเสน่ห์ตราตรึงในอดีตมาสร้างมนตราให้กับ Brand ที่กำลังแข่งขันในตลาดปัจจุบัน
* ลองพิจารณาการส่งเสริมการตลาดของสินค้าในประเภทอื่นที่สามารถนำมาปรับปรุงดัดแปลงใช้กับสินค้าในประเภทของตน แม้จะดูเหมือนจะเป็นการเลียนแบบสินค้าอื่น แต่หากเป็นสินค้าต่างประเภทกัน และเราคือรายแรกที่ใช้วิธีการดังกล่าวในสินค้าประเภทที่เราอยู่ในสนามแข่ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกติกาอันใด อย่ารังเกียจว่าวิธีการลดแลกแจกแถม ชิงโชคดี บริการ หรือการจัดกิจกรรมบางอย่างมีคนเคยทำมาแล้ว แต่เป็นสินค้าอีกประเภทหนึ่ง ตราบใดที่ในสินค้าประเภทที่เราแข่งขันอยู่นั้น เราเป็นรายแรกที่ทำ เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยพิจารณาว่าวิธีการที่ใช้อยู่ในอุตสาหกรรมอื่นนั้น สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมของเราได้ และเราได้หาทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมของเราแล้ว ถ้าหากเราเป็นคนที่ประยุกต์เก่ง มีความรอบคอบ เราก็จะสามารถหาวิธีการส่งเสริมการตลาดที่ดีๆ โดยไม่ต้องเสียเวลา หรือไม่ต้องออกแรงคิดมาก เพราะมีต้นแบบให้ลอก (แบบมีการปรับปรุง) ที่ทำได้โดยง่ายอยู่แล้ว
ในการใช้วิธีการดังกล่าวนี้นักการตลาดจะต้องเข้าใจก่อนว่าการเรียนรู้ยุทธศาสตร์ทางการตลาดสำหรับสินค้าตัวใดตัวหนึ่งนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมาจากการศึกษาคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันเท่านั้น แต่สามารถที่จะหาได้จากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ใช่คู่แข่ง เพราะบทเรียนดีๆทางการตลาดนั้นหาได้อย่างกว้างขวางทั้งจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และจากผู้ประกอบการนอกอุตสาหกรรม เพียงแต่รู้จักมองหาก็จะเห็น เพียงแต่ไม่หยิ่งเกินไปที่จะเรียนรู้จากผู้อื่นก็จะได้
* ลองมองดูการส่งเสริมการตลาดจากสินค้าในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือสินค้าต่างอุตสาหกรรม ถ้าเป็นการส่งเสริมการขาย เขาแจก เขาแถมอะไร เขามีวิธีการแลก วิธีการแจกอย่างไร ถ้าหากน่าสนใจก็ใช้ได้เลย ถ้าเป็นการจัดกิจกรรมพิเศษ และเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับเมืองไทยเราก็เลียนแบบได้เลย แต่ถ้าเป็นการโฆษณา อย่าถึงกับเลียนแบบทั้งเรื่อง โดยเปลี่ยนแค่สินค้า แค่เอาแนวความคิดมา แล้วปรับเปลี่ยนเนื้อหา เทคนิคการถ่ายทำในระดับที่มากพอที่จะไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าขโมยทรัพย์สินทางปัญญาก็คงจะดีกว่าลอกเขามาหน้าตาเฉย ปัจจุบันการเลียนแบบเรื่องการส่งเสริมการขายยังมีไม่มาก การลอกกิจกรรมพิเศษ ยังมีไม่มาก แต่การลอกโฆษณา (แบบลอกจริงๆ ไม่มีการปรับแต่ละฉาก แต่ละตอน เป็นการลอก แบบขโมยทรัพย์สินทางปัญญานั้นมีมากในวงการโฆษณาของเรา แถมยังได้รับรางวัลอีกด้วย อย่างนี้ไม่สนับสนุน การทำการตลาดต้องมีจริยธรรม บางสิ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ไม่ควรลอกแบบคนอื่น แต่บางอย่างเป็นบทเรียนที่สามารถนำมาประยุกต์ได้ เพื่อลดเวลาและขั้นตอนในการคิด เป็นการเรียนรู้จากผู้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่ท้าทายในเรื่องนี้ก็คือความสามารถในการประยุกต์สิ่งที่ได้รู้ได้เห็นจากการดำเนินกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดจากต่างแดน ซึ่งบ่งบอกว่านักการตลาดที่ดี ต้องรู้จักเดินทางไปเปิดโลกทัศน์ในต่างแดนเป็นระยะๆ จึงจะได้บทเรียนดีๆมาประยุกต์ใช้
* ลองย้อนกลับไปดูว่ามีการส่งเสริมการตลาดเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา การส่งเสริมการขาย หรือการจัดกิจกรรมพิเศษที่มีความสำเร็จในระดับที่สูง แล้วลองนำมาพิจารณาปัดฝุ่นใช้อีกที อาจจะไม่เอารายละเอียดมาใช้ทั้งหมด อาจจะเอามาแต่แก่นความคิด แล้วปรับรายละเอียดให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน โฆษณาบางชิ้นอาจจะถูกยกเลิกไปเพราะคนทำงานการตลาดรู้สึกเบื่อ และอยากจะทำอะไรใหม่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป โฆษณาชิ้นนั้นจะมีเสน่ห์เพราะความเป็นของเก่าที่ดูดีแบบไร้กาลเวลา (Classic) และมีมนต์แห่งความเป็นอดีตที่ตราตรึง (Nostalgia) บางครั้งเสน่ห์เกิดจากเพลงโฆษณา (Jingle) บางครั้งเกิดจากตัวแสดง นอกจากโฆษณาแล้วบางทีการส่งเสริมการขายในรูปแบบของแถมหรือการชิงโชคที่เคยเป็นที่ฮือฮาอาจจะนำกลับมาสร้างความโด่งดังให้กับกิจกรรมการตลาดได้ ถ้ามีนักประชาสัมพันธ์เก่งๆ สร้างมุมของข่าวได้แหลมคน การนำเอาอดีตที่รุ่งโรจน์หวนกลับสู่สังเวียนการตลาดก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับสื่อ ทำให้ได้การเผยแพร่ฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงิน กิจกรรมการประกวด การแข่งขัน การชุมนุมบางอย่างที่เคยทำมาแล้วเลิกไปท่ามกลางความเสียดายของผู้บริโภคนั้น บางครั้งก็เอากลับมาสร้างความน่าสนใจให้สินค้าได้ ดังนั้นนักการตลาดต้องหาเวลาทบทวนวิธีการส่งเสริมการตลาดเก่าๆที่เคยประสบความสำเร็จเอามาใช้ ไม่ต้องรังเกียจว่าเป็นความคิดของผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนเก่า ถ้าหากคิดว่าใช้ได้ก็ควรนำมาปัดฝุ่น ปรับสิ่งที่ต้องปรับให้เหมาะสม แล้วยิ้มรับความสำเร็จ
หลักการที่ว่านี้ไม่ต่างไปจากการนำเอาหนังดัง ละครดังในอดีตมาสร้างใหม่ แก่น (Theme) ของเรื่องยังเหมือนเดิม โครงสร้างของเรื่อง (Plot) ยังเหมือนเดิม แต่รายละเอียดของสถานที่ บทสนทนา เทคนิคในการถ่ายทำ ในการตัดต่อ ดนตรีประกอบ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคสมัย ก็สามารถทำให้หนังเก่าเอามาทำใหม่ ละครเก่าเอามาทำใหม่ ทำเงินให้กับคนที่รู้จักเอาของเก่ามาปัดฝุ่นได้ไม่น้อย ยุคนี้เป็นยุคการตลาดย้อนยุค (Retro marketing) ที่นิยมหันไปหาของเก่าที่มีเสน่ห์ตราตรึงในอดีตมาสร้างมนตราให้กับ Brand ที่กำลังแข่งขันในตลาดปัจจุบัน
* ลองพิจารณาการส่งเสริมการตลาดของสินค้าในประเภทอื่นที่สามารถนำมาปรับปรุงดัดแปลงใช้กับสินค้าในประเภทของตน แม้จะดูเหมือนจะเป็นการเลียนแบบสินค้าอื่น แต่หากเป็นสินค้าต่างประเภทกัน และเราคือรายแรกที่ใช้วิธีการดังกล่าวในสินค้าประเภทที่เราอยู่ในสนามแข่ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกติกาอันใด อย่ารังเกียจว่าวิธีการลดแลกแจกแถม ชิงโชคดี บริการ หรือการจัดกิจกรรมบางอย่างมีคนเคยทำมาแล้ว แต่เป็นสินค้าอีกประเภทหนึ่ง ตราบใดที่ในสินค้าประเภทที่เราแข่งขันอยู่นั้น เราเป็นรายแรกที่ทำ เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยพิจารณาว่าวิธีการที่ใช้อยู่ในอุตสาหกรรมอื่นนั้น สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมของเราได้ และเราได้หาทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมของเราแล้ว ถ้าหากเราเป็นคนที่ประยุกต์เก่ง มีความรอบคอบ เราก็จะสามารถหาวิธีการส่งเสริมการตลาดที่ดีๆ โดยไม่ต้องเสียเวลา หรือไม่ต้องออกแรงคิดมาก เพราะมีต้นแบบให้ลอก (แบบมีการปรับปรุง) ที่ทำได้โดยง่ายอยู่แล้ว
ในการใช้วิธีการดังกล่าวนี้นักการตลาดจะต้องเข้าใจก่อนว่าการเรียนรู้ยุทธศาสตร์ทางการตลาดสำหรับสินค้าตัวใดตัวหนึ่งนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมาจากการศึกษาคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันเท่านั้น แต่สามารถที่จะหาได้จากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ใช่คู่แข่ง เพราะบทเรียนดีๆทางการตลาดนั้นหาได้อย่างกว้างขวางทั้งจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และจากผู้ประกอบการนอกอุตสาหกรรม เพียงแต่รู้จักมองหาก็จะเห็น เพียงแต่ไม่หยิ่งเกินไปที่จะเรียนรู้จากผู้อื่นก็จะได้
* ลองมองดูการส่งเสริมการตลาดจากสินค้าในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือสินค้าต่างอุตสาหกรรม ถ้าเป็นการส่งเสริมการขาย เขาแจก เขาแถมอะไร เขามีวิธีการแลก วิธีการแจกอย่างไร ถ้าหากน่าสนใจก็ใช้ได้เลย ถ้าเป็นการจัดกิจกรรมพิเศษ และเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับเมืองไทยเราก็เลียนแบบได้เลย แต่ถ้าเป็นการโฆษณา อย่าถึงกับเลียนแบบทั้งเรื่อง โดยเปลี่ยนแค่สินค้า แค่เอาแนวความคิดมา แล้วปรับเปลี่ยนเนื้อหา เทคนิคการถ่ายทำในระดับที่มากพอที่จะไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าขโมยทรัพย์สินทางปัญญาก็คงจะดีกว่าลอกเขามาหน้าตาเฉย ปัจจุบันการเลียนแบบเรื่องการส่งเสริมการขายยังมีไม่มาก การลอกกิจกรรมพิเศษ ยังมีไม่มาก แต่การลอกโฆษณา (แบบลอกจริงๆ ไม่มีการปรับแต่ละฉาก แต่ละตอน เป็นการลอก แบบขโมยทรัพย์สินทางปัญญานั้นมีมากในวงการโฆษณาของเรา แถมยังได้รับรางวัลอีกด้วย อย่างนี้ไม่สนับสนุน การทำการตลาดต้องมีจริยธรรม บางสิ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ไม่ควรลอกแบบคนอื่น แต่บางอย่างเป็นบทเรียนที่สามารถนำมาประยุกต์ได้ เพื่อลดเวลาและขั้นตอนในการคิด เป็นการเรียนรู้จากผู้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่ท้าทายในเรื่องนี้ก็คือความสามารถในการประยุกต์สิ่งที่ได้รู้ได้เห็นจากการดำเนินกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดจากต่างแดน ซึ่งบ่งบอกว่านักการตลาดที่ดี ต้องรู้จักเดินทางไปเปิดโลกทัศน์ในต่างแดนเป็นระยะๆ จึงจะได้บทเรียนดีๆมาประยุกต์ใช้