ผู้แทนการค้าไทย เตรียมนำคณะภาคเอกชนไทยเจรจาหาประโยชน์จากเอฟทีเอไทย-ออสเตรเลียกลางเดือนมีนาคมนี้ โดยเร่งเตรียมข้อมูลหารือรมว.ต่างประเทศ และรมว.พาณิชย์ ของออสเตรเลียเพื่อผลักดันสินค้าหลายรายการส่งออกเพิ่มขึ้น ทั้งสับปะรดกระป๋อง ปลาทูน่า สิ่งทอ และสินค้าโอท็อป
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้แทนการค้าไทย ว่า ในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ มีแผนที่จะนำคณะทำงานสำนักงานผู้แทนการค้าไทย หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เดินทางไปยังประเทศออสเตรเลีย เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการค้าร่วมกันให้ได้มากที่สุด ภายหลังจากการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ)ระหว่างไทย-ออสเตรเลียมีผลบังคับใช้เมื่อปีที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้ไป ไทยจะต้องกำหนดจุดยืนทางการค้ากับออสเตรเลีย พร้อมกับแสวงหาประโยชน์ภายใต้ข้อตกลงในเชิงรุก ซึ่งเชื่อว่าไทยยังสามารถส่งออกสินค้าไปยังออสเตรเลียเพิ่มขึ้นได้อีก โดยเฉพาะในสินค้าเกษตรแปรรูปบางรายการ เช่น สับปะรดกระป๋อง และปลาทูน่า รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมประเภทสิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ขณะเดียวกันจะผลักดันส่งออกสินค้าโอท็อปไปออสเตรเลียด้วย แต่อาจต้องมีการหารือในรายละเอียดเพื่อลดข้ออุปสรรคทางการค้าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
นายปานปรีย์ กล่าวว่า การเดินทางไปครั้งนี้เชื่อว่ามีหลายประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณาและหารือร่วมกัน โดยคาดว่าจะมีการหารือกับนายอเล็กซานเดอร์ ดาวเนอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศ และนายมาร์ค เวล รัฐมนตรีพาณิชย์ของออสเตรเลีย ซึ่งจะเน้นใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ การส่งออกสินค้าของทั้งสองประเทศ การแก้ไขภาวะที่ไทยกำลังขาดดุลการค้ากับออสเตรเลีย ข้อปัญหาในสินค้าบางรายการที่ไทยส่งออกได้น้อย การผลักดันโครงการของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการโอท็อปและครัวไทยสู่โลก และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ผู้แทนการค้าไทยระบุว่า การดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของโครงการครัวไทยสู่โลกในตลาดออสเตรเลียถือว่าประสบความสำเร็จและมีโอกาสที่จะขยายตลาดเพิ่มขึ้น โดยมีร้านอาหารไทยมากกว่า 1,000 ร้าน ซึ่งในจำนวนนั้นได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพอาหารไทย หรือ Thai Select กว่า 40 ร้าน และได้รับรายงานจากสถาบันอาหารถึงแนวทางการส่งเสริมโครงการครัวไทยสู่โลกในออสเตรเลียว่า ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านอาหารอีกกว่า 400 ร้านในรูปแบบแฟรนไชส์ หรือการสร้างเครือข่ายร้านอาหาร เครือข่ายโรงแรม และห้างสรรพสินค้ากับออสเตรเลียในการนำอาหารพร้อมรับประทานจากไทยเข้าไปจำหน่าย รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านผู้ปรุงอาหารไทย โดยจะส่งผู้เชี่ยวชาญไปเปิดคอร์สเพิ่มทักษะการปรุงอาหารให้กับเจ้าของร้านอาหารไทยในออสเตรเลีย ส่วนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ประเทศออสเตรเลียมีความน่าสนใจในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในมลรัฐต่าง ๆ ทั้งที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่อย่างจำกัด ซึ่งคาดว่าจะเจรจาในความร่วมมือและนำมาใช้เป็นแนวทางบริหารและจัดสรรน้ำในประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ในบางช่วงที่ไทยอาจต้องเผชิญปัญหาการขาดแคลนน้ำ
นายปานปรีย์ กล่าวถึงการส่งออกโดยรวมของไทยไปออสเตรเลียว่า แม้จะมีการส่งออกสินค้าในหลายรายการ แต่พบว่ายังมีสัดส่วนการส่งออกไม่มากเท่าที่ควร จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และกรมส่งเสริมการส่งออก ไปวิเคราะห์ว่า สาเหตุเกิดจากส่วนใดบ้าง เพื่อที่จะนำมาวางแผนร่วมกันในการเตรียมการลดข้ออุปสรรคทางการค้าดังกล่าวก่อนเดินทางไปหารือกับกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของออสเตรเลียต่อไป
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้แทนการค้าไทย ว่า ในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ มีแผนที่จะนำคณะทำงานสำนักงานผู้แทนการค้าไทย หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เดินทางไปยังประเทศออสเตรเลีย เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการค้าร่วมกันให้ได้มากที่สุด ภายหลังจากการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ)ระหว่างไทย-ออสเตรเลียมีผลบังคับใช้เมื่อปีที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้ไป ไทยจะต้องกำหนดจุดยืนทางการค้ากับออสเตรเลีย พร้อมกับแสวงหาประโยชน์ภายใต้ข้อตกลงในเชิงรุก ซึ่งเชื่อว่าไทยยังสามารถส่งออกสินค้าไปยังออสเตรเลียเพิ่มขึ้นได้อีก โดยเฉพาะในสินค้าเกษตรแปรรูปบางรายการ เช่น สับปะรดกระป๋อง และปลาทูน่า รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมประเภทสิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ขณะเดียวกันจะผลักดันส่งออกสินค้าโอท็อปไปออสเตรเลียด้วย แต่อาจต้องมีการหารือในรายละเอียดเพื่อลดข้ออุปสรรคทางการค้าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
นายปานปรีย์ กล่าวว่า การเดินทางไปครั้งนี้เชื่อว่ามีหลายประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณาและหารือร่วมกัน โดยคาดว่าจะมีการหารือกับนายอเล็กซานเดอร์ ดาวเนอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศ และนายมาร์ค เวล รัฐมนตรีพาณิชย์ของออสเตรเลีย ซึ่งจะเน้นใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ การส่งออกสินค้าของทั้งสองประเทศ การแก้ไขภาวะที่ไทยกำลังขาดดุลการค้ากับออสเตรเลีย ข้อปัญหาในสินค้าบางรายการที่ไทยส่งออกได้น้อย การผลักดันโครงการของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการโอท็อปและครัวไทยสู่โลก และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ผู้แทนการค้าไทยระบุว่า การดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของโครงการครัวไทยสู่โลกในตลาดออสเตรเลียถือว่าประสบความสำเร็จและมีโอกาสที่จะขยายตลาดเพิ่มขึ้น โดยมีร้านอาหารไทยมากกว่า 1,000 ร้าน ซึ่งในจำนวนนั้นได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพอาหารไทย หรือ Thai Select กว่า 40 ร้าน และได้รับรายงานจากสถาบันอาหารถึงแนวทางการส่งเสริมโครงการครัวไทยสู่โลกในออสเตรเลียว่า ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านอาหารอีกกว่า 400 ร้านในรูปแบบแฟรนไชส์ หรือการสร้างเครือข่ายร้านอาหาร เครือข่ายโรงแรม และห้างสรรพสินค้ากับออสเตรเลียในการนำอาหารพร้อมรับประทานจากไทยเข้าไปจำหน่าย รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านผู้ปรุงอาหารไทย โดยจะส่งผู้เชี่ยวชาญไปเปิดคอร์สเพิ่มทักษะการปรุงอาหารให้กับเจ้าของร้านอาหารไทยในออสเตรเลีย ส่วนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ประเทศออสเตรเลียมีความน่าสนใจในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในมลรัฐต่าง ๆ ทั้งที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่อย่างจำกัด ซึ่งคาดว่าจะเจรจาในความร่วมมือและนำมาใช้เป็นแนวทางบริหารและจัดสรรน้ำในประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ในบางช่วงที่ไทยอาจต้องเผชิญปัญหาการขาดแคลนน้ำ
นายปานปรีย์ กล่าวถึงการส่งออกโดยรวมของไทยไปออสเตรเลียว่า แม้จะมีการส่งออกสินค้าในหลายรายการ แต่พบว่ายังมีสัดส่วนการส่งออกไม่มากเท่าที่ควร จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และกรมส่งเสริมการส่งออก ไปวิเคราะห์ว่า สาเหตุเกิดจากส่วนใดบ้าง เพื่อที่จะนำมาวางแผนร่วมกันในการเตรียมการลดข้ออุปสรรคทางการค้าดังกล่าวก่อนเดินทางไปหารือกับกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของออสเตรเลียต่อไป