กัลฟ์แอร์ปรับกลยุทธ์รับมือน้ำมันแพง และโลว์คอสต์บุกหนัก หันจับลูกค้าระดับพรีเมียม อัดงบกว่า 3 พันล้านบาท ปรับเปลี่ยนที่นั่งผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นบิสสิเนส ชูตัวเองเป็นสายการบินระดับพรีเมียม พร้อมจับมือการบินไทยทำโค้ดแชร์ โปรโมทเชียงใหม่ และภูเก็ต ตั้งเป้า เพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้ากลุ่มนี้เป็น 20% ของรายได้รวมปีนี้ พร้อมประกาศหยุดบิน เส้นทางกัวลาลัมเปอร์มีผล เม.ย.นี้
นาย เจมส์ โฮแกน ประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินกัลฟ์แอร์ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าระดับพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด ตั้งเป้าสัดส่วนการขายตั๋วโดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ เพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวม จากที่ผ่านมาจะมีสัดส่วนเพียง 15% โดยปีก่อนตั๋วผู้โดยสารกลุ่มพรีเมียมโตถึง 26% จากอัตราผู้โดยสาร(โหลดแฟกเตอร์) จะโตอยู่ประมาณ 5-10% ส่วนปีนี้ตั้งเป้ากลุ่มพรีเมียมโต 30% แต่จากการหันมาให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น จะทำให้เซกเมนต์พรีเมียมน่าจะโตจากปีก่อนได้ถึง 60%
เหตุผลที่บริษัทฯหันมาจับตลาดพรีเมียมเพราะ ตลาดนี้ไม่กังวลเรื่องค่าธรรมเนียมน้ำมัน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มคอร์ปอเรท และอินเซนทีฟ ตลอดจนนักธุรกิจ เพราะกลุ่มนี้ มีกำลังจ่ายสูง และบ้างก็ใช้สวัสดิการขององค์กรในการจ่ายเงิน ประกอบกับมองว่า ราคาตั๋วผู้โดยสารชั้นหนึ่ง เมื่อเทียบกับชั้นประหยัด มีราคาสูงกว่าถึง 5 เท่า ดังนั้นถ้าเราได้ลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ก็จะช่วยทำให้รายได้เติบโต
โดยบริษัทฯใช้งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงที่นั่งโดยสารในชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ และใช้ตกแต่งภายในใหม่ของเครื่องแอร์บัส รุ่น A340 ที่ใช้บินระหว่างประเทศ ไทย-ฮ่องกง-บาห์เรน ส่วนในชั้นประหยัด จะติดตั้งจอทีวีให้กับทุกที่นั่ง
นอกจากนั้นเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจเซ็กเม้นต์นี้ ล่าสุด บริษัทฯร่วมกับบัตรเครดิต มาสเตอร์การ์ด ออกแคมเปญ ซื้อ 1 แถม 1 หมดเขตในกลางปีนี้ และบริการรถลีมูซีนจากสนามบิน และในระหว่างปียังมีแคมเปญอื่นๆ ทยอยออกมา เรายังทำโค้ดแชร์กับการบินไทยในการส่งต่อผู้โดยสารระหว่างกันในเส้นทางเชียงใหม่ ภูเก็ต โดยกัลฟ์แอร์เป็นผู้ออกตั๋วให้
“ทั้งหมดนี้เป็นการต่อยอดแคมเปญ สมาร์ท แอร์ไลน์ ที่เริ่มใช้มาแล้ว 2 ปี โดยนำบริการที่มีอยู่มาใส่บริการเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้า รวมถึงบริการเชื่อมต่อเส้นการเดินทางกับสายการบินอื่นๆ และเป็นการตั้งรับสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ซึ่งมองว่าตลาดบนจะไม่ถูกกระทบมาก เพราะกลุ่มนี้จะไม่สนใจเรื่องการจ่ายค่าธรรมเนียมน้ำมัน”
สำหรับประเทศไทยปีนี้มีเป้าหมายเติบโต 15% จากทุกปีที่เติบโตประมาณ 10% โดยปีนี้กัลฟ์แอร์ทั่วโลก คาดว่าจะรับ-ส่งผู้โดยสารทั้งปีได้ราว 7.8 ล้านคน จากปีก่อนที่รับ-ส่งผู้โดยสารตลอดทั้งปีรวม 7.5 ล้าน”
ทั้งนี้ในเดือนเมษายนศกนี้ กัลฟ์แอร์จะเลิกบินไปกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบัน เรามีบินจากกรุงเทพไปกัวลาลัมเปอร์ ก่อนที่จะบินเข้ายุโรป โดยบิน 4 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ โดยการเปลี่ยนเพื่อนำเครื่องมาใช้บินกรุงเทพ-ยุโรป ได้มากขึ้น เพราะในเส้นทางกัวลาลัมเปอร์มีหลายสายการบินแล้วที่บินไป ประกอบกับแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นสายการบินโลว์คอสต์ก็บินในเส้นทางนี้ด้วย จึงคิดว่าน่าจะนำเครื่องบินในเส้นทางนี้ไปใช้ประโยชน์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มในเส้นทางอื่นๆ เช่น ยุโรปได้ดีกว่า
ปัจจุบัน กัลฟ์แอร์ มีเที่ยวบินออกจากกรุงเทพ 22 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ โดยมีฮับอยู่ 2 แห่ง คือ บาห์เรน และโอมาน เพราะได้ปรับลดฮับไป 1 แห่ง คืออาบูดาบี เพื่อจุดประสงค์เพื่อลดต้นทุนในส่วนของแอร์พอร์ตลงไปบ้าง
นาย เจมส์ โฮแกน ประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินกัลฟ์แอร์ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าระดับพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด ตั้งเป้าสัดส่วนการขายตั๋วโดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ เพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวม จากที่ผ่านมาจะมีสัดส่วนเพียง 15% โดยปีก่อนตั๋วผู้โดยสารกลุ่มพรีเมียมโตถึง 26% จากอัตราผู้โดยสาร(โหลดแฟกเตอร์) จะโตอยู่ประมาณ 5-10% ส่วนปีนี้ตั้งเป้ากลุ่มพรีเมียมโต 30% แต่จากการหันมาให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น จะทำให้เซกเมนต์พรีเมียมน่าจะโตจากปีก่อนได้ถึง 60%
เหตุผลที่บริษัทฯหันมาจับตลาดพรีเมียมเพราะ ตลาดนี้ไม่กังวลเรื่องค่าธรรมเนียมน้ำมัน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มคอร์ปอเรท และอินเซนทีฟ ตลอดจนนักธุรกิจ เพราะกลุ่มนี้ มีกำลังจ่ายสูง และบ้างก็ใช้สวัสดิการขององค์กรในการจ่ายเงิน ประกอบกับมองว่า ราคาตั๋วผู้โดยสารชั้นหนึ่ง เมื่อเทียบกับชั้นประหยัด มีราคาสูงกว่าถึง 5 เท่า ดังนั้นถ้าเราได้ลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ก็จะช่วยทำให้รายได้เติบโต
โดยบริษัทฯใช้งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงที่นั่งโดยสารในชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ และใช้ตกแต่งภายในใหม่ของเครื่องแอร์บัส รุ่น A340 ที่ใช้บินระหว่างประเทศ ไทย-ฮ่องกง-บาห์เรน ส่วนในชั้นประหยัด จะติดตั้งจอทีวีให้กับทุกที่นั่ง
นอกจากนั้นเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจเซ็กเม้นต์นี้ ล่าสุด บริษัทฯร่วมกับบัตรเครดิต มาสเตอร์การ์ด ออกแคมเปญ ซื้อ 1 แถม 1 หมดเขตในกลางปีนี้ และบริการรถลีมูซีนจากสนามบิน และในระหว่างปียังมีแคมเปญอื่นๆ ทยอยออกมา เรายังทำโค้ดแชร์กับการบินไทยในการส่งต่อผู้โดยสารระหว่างกันในเส้นทางเชียงใหม่ ภูเก็ต โดยกัลฟ์แอร์เป็นผู้ออกตั๋วให้
“ทั้งหมดนี้เป็นการต่อยอดแคมเปญ สมาร์ท แอร์ไลน์ ที่เริ่มใช้มาแล้ว 2 ปี โดยนำบริการที่มีอยู่มาใส่บริการเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้า รวมถึงบริการเชื่อมต่อเส้นการเดินทางกับสายการบินอื่นๆ และเป็นการตั้งรับสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ซึ่งมองว่าตลาดบนจะไม่ถูกกระทบมาก เพราะกลุ่มนี้จะไม่สนใจเรื่องการจ่ายค่าธรรมเนียมน้ำมัน”
สำหรับประเทศไทยปีนี้มีเป้าหมายเติบโต 15% จากทุกปีที่เติบโตประมาณ 10% โดยปีนี้กัลฟ์แอร์ทั่วโลก คาดว่าจะรับ-ส่งผู้โดยสารทั้งปีได้ราว 7.8 ล้านคน จากปีก่อนที่รับ-ส่งผู้โดยสารตลอดทั้งปีรวม 7.5 ล้าน”
ทั้งนี้ในเดือนเมษายนศกนี้ กัลฟ์แอร์จะเลิกบินไปกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบัน เรามีบินจากกรุงเทพไปกัวลาลัมเปอร์ ก่อนที่จะบินเข้ายุโรป โดยบิน 4 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ โดยการเปลี่ยนเพื่อนำเครื่องมาใช้บินกรุงเทพ-ยุโรป ได้มากขึ้น เพราะในเส้นทางกัวลาลัมเปอร์มีหลายสายการบินแล้วที่บินไป ประกอบกับแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นสายการบินโลว์คอสต์ก็บินในเส้นทางนี้ด้วย จึงคิดว่าน่าจะนำเครื่องบินในเส้นทางนี้ไปใช้ประโยชน์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มในเส้นทางอื่นๆ เช่น ยุโรปได้ดีกว่า
ปัจจุบัน กัลฟ์แอร์ มีเที่ยวบินออกจากกรุงเทพ 22 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ โดยมีฮับอยู่ 2 แห่ง คือ บาห์เรน และโอมาน เพราะได้ปรับลดฮับไป 1 แห่ง คืออาบูดาบี เพื่อจุดประสงค์เพื่อลดต้นทุนในส่วนของแอร์พอร์ตลงไปบ้าง