ประชาคมรางขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร เตรียมยื่นหนังสือถึงรมว.คมนาคม ปรับแผนลงทุนโครงการรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง โดยขอให้ทำประชาพิจารณ์นทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การเสนอทีโออาร์แก่นักลงทุนต่างชาติ ดึงความมีส่วนรวมของประชาชน พร้อมเสนอขยายเวลาในก่อสร้างเป็น 10 ปี เพื่อให้การลงทุนไม่กระจุกตัว
นายพงศ์พร สุดบรรทัด ประธานประชาคมรางขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตัวแทนประชาคมฯ เตรียมเข้ายื่นหนังสือถึงนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อแสดงความเห็นของประชาคม เป็นองค์กรเกิดจากการรวมตัว ของประชาคมที่เคยอยู่ในสายทางก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในอดีต และเส้นทางที่กำลังจะมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าอีก 10 สายทางในอนาคต พร้อมกับตัวแทนขององค์กรที่เกี่ยวข้องภาครัฐ เช่น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และสำนักงานพัฒนาชุมชน สำนักงานจราจร กรุงเทพมหานคร
โดยเนื้อหาของหนังสือดังกล่าวต้องการให้กระทรวงคมนาคมเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายทางในอนาคต โดยการทำประชาพิจารณ์ รับฟังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งกายภาพ เศรษฐกิจ รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้เกิดการมีส่วนรวมของชุมชน โดยจะส่งผลดีให้โครงการได้รับการยอมรับ โปร่งใส และทุกฝ่ายได้ประโยชน์
“การทำประชาพิจารณ์ควรเริ่มต้นตั้งแต่การทำเงื่อนไขทีโออาร์ เพื่อให้สาธารณะตรวจสอบได้ และภาครัฐต้องปรับวิธีการเวนคืนที่ดิน เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างใหม่ หลังจากที่ในอดีตที่ผ่านมา การเวนคืนมีลักษณะของการริบสิทธิ์ ที่ประชาชนที่อยู่ในสายทางเสียประโยชน์ แต่ควรเปลี่ยนมาเป็นวิธีการรอนสิทธิ์และร่วมสิทธิ์ คือให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้ามามีส่วนร่วม และได้รับพิจารณาในการเข้าร่วมใช้ประโยชน์ที่ดินเชิงพาณิชย์ก่อน” นายพงศ์พร กล่าว
สิ่งที่สำคัญ ประชาคมยังต้องการเสนอให้กระทรวงคมนาคมปรับแผนการลงทุน โดยไม่ควรนำกรอบเวลาการก่อสร้างไปอยู่ในข้อจำกัดเวลาโดยหวังผลทางการเมือง เช่น การกำหนดระยะเวลาการก่อสร้างว่าจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปี โดยอ้างว่าจะนำเงินมาจากการลงทุนของต่างชาติ โดยต้องดูว่า แนวทางดังกล่าวจะทำให้ประเทศได้ประโยชน์ที่สุดหรือไม่ เพราะการเร่งรัดจะทำให้เกิดความไม่สมดุลตามแนวทางเศรษฐกิจแบบพอเพียง และไม่สามารถดำเนินการได้จริง เพราะแค่คิดถึงปัญหาการจราจรที่จะเกิดขึ้น เมื่อมีการก่อสร้างโครงการ 10 สายพร้อมกัน จะทำให้กรุงเทพฯ เจอภาวะวิกฤติ และแม้จะนำเม็ดเงินลงทุนมาจากต่างชาติก่อน แต่ก็ต้องชำระคืนในภายหลัง ซึ่งภาระหนี้อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศภายหลัง
ทั้งนี้ กรอบระยะเวลาการลงทุนที่จะทำให้เกิดดุลยภาพ โดยรัฐบาลสามารถแบ่งระยะออกเป็น 3 ส่วน ในสูตร 3, 3, 4 คือ 3 ปีแรกพัฒนาเส้นทางหลักที่จำเป็นในระบบรถไฟฟ้า 3 สายทาง โดยคำนึงถึงการแบ่งโซนของเมือง เพื่อไม่เกิดปัญหาจราจร เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สายสีม่วง สายสีเหลือง 3 ปีต่อมาเป็นโครงการที่มีความสำคัญระดับรองอีก 3 เส้นทาง และ 4 ปีสุดท้ายพัฒนาเส้นทางที่เหลืออีก 4 เส้นทาง ในเมื่อประเทศ ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบรางสูงขึ้นแล้ว ซึ่งหมายความว่า ประเทศไทยจะมีโครงการรถไฟฟ้าสมบูรณ์ภายใน 10 ปี ซึ่งหากโครงการเกิดขึ้นจริงก็สามารถชี้แจงกับประชาชนได้ว่า ทำไมต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น
“การใช้เวลาเพิ่มขึ้น แต่เกิดขึ้นจริง และประชาชนมีส่วนร่วมจริง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษ ก็ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการกว่า 100 ปี แต่ประเทศไทยจะใช้ระยะเวลาการสร้างภายใน 5 ปี เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะสามารถดำเนินการได้” นายพงศ์พร กล่าว
นายพงศ์พร สุดบรรทัด ประธานประชาคมรางขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตัวแทนประชาคมฯ เตรียมเข้ายื่นหนังสือถึงนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อแสดงความเห็นของประชาคม เป็นองค์กรเกิดจากการรวมตัว ของประชาคมที่เคยอยู่ในสายทางก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในอดีต และเส้นทางที่กำลังจะมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าอีก 10 สายทางในอนาคต พร้อมกับตัวแทนขององค์กรที่เกี่ยวข้องภาครัฐ เช่น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และสำนักงานพัฒนาชุมชน สำนักงานจราจร กรุงเทพมหานคร
โดยเนื้อหาของหนังสือดังกล่าวต้องการให้กระทรวงคมนาคมเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายทางในอนาคต โดยการทำประชาพิจารณ์ รับฟังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งกายภาพ เศรษฐกิจ รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้เกิดการมีส่วนรวมของชุมชน โดยจะส่งผลดีให้โครงการได้รับการยอมรับ โปร่งใส และทุกฝ่ายได้ประโยชน์
“การทำประชาพิจารณ์ควรเริ่มต้นตั้งแต่การทำเงื่อนไขทีโออาร์ เพื่อให้สาธารณะตรวจสอบได้ และภาครัฐต้องปรับวิธีการเวนคืนที่ดิน เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างใหม่ หลังจากที่ในอดีตที่ผ่านมา การเวนคืนมีลักษณะของการริบสิทธิ์ ที่ประชาชนที่อยู่ในสายทางเสียประโยชน์ แต่ควรเปลี่ยนมาเป็นวิธีการรอนสิทธิ์และร่วมสิทธิ์ คือให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้ามามีส่วนร่วม และได้รับพิจารณาในการเข้าร่วมใช้ประโยชน์ที่ดินเชิงพาณิชย์ก่อน” นายพงศ์พร กล่าว
สิ่งที่สำคัญ ประชาคมยังต้องการเสนอให้กระทรวงคมนาคมปรับแผนการลงทุน โดยไม่ควรนำกรอบเวลาการก่อสร้างไปอยู่ในข้อจำกัดเวลาโดยหวังผลทางการเมือง เช่น การกำหนดระยะเวลาการก่อสร้างว่าจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปี โดยอ้างว่าจะนำเงินมาจากการลงทุนของต่างชาติ โดยต้องดูว่า แนวทางดังกล่าวจะทำให้ประเทศได้ประโยชน์ที่สุดหรือไม่ เพราะการเร่งรัดจะทำให้เกิดความไม่สมดุลตามแนวทางเศรษฐกิจแบบพอเพียง และไม่สามารถดำเนินการได้จริง เพราะแค่คิดถึงปัญหาการจราจรที่จะเกิดขึ้น เมื่อมีการก่อสร้างโครงการ 10 สายพร้อมกัน จะทำให้กรุงเทพฯ เจอภาวะวิกฤติ และแม้จะนำเม็ดเงินลงทุนมาจากต่างชาติก่อน แต่ก็ต้องชำระคืนในภายหลัง ซึ่งภาระหนี้อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศภายหลัง
ทั้งนี้ กรอบระยะเวลาการลงทุนที่จะทำให้เกิดดุลยภาพ โดยรัฐบาลสามารถแบ่งระยะออกเป็น 3 ส่วน ในสูตร 3, 3, 4 คือ 3 ปีแรกพัฒนาเส้นทางหลักที่จำเป็นในระบบรถไฟฟ้า 3 สายทาง โดยคำนึงถึงการแบ่งโซนของเมือง เพื่อไม่เกิดปัญหาจราจร เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สายสีม่วง สายสีเหลือง 3 ปีต่อมาเป็นโครงการที่มีความสำคัญระดับรองอีก 3 เส้นทาง และ 4 ปีสุดท้ายพัฒนาเส้นทางที่เหลืออีก 4 เส้นทาง ในเมื่อประเทศ ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบรางสูงขึ้นแล้ว ซึ่งหมายความว่า ประเทศไทยจะมีโครงการรถไฟฟ้าสมบูรณ์ภายใน 10 ปี ซึ่งหากโครงการเกิดขึ้นจริงก็สามารถชี้แจงกับประชาชนได้ว่า ทำไมต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น
“การใช้เวลาเพิ่มขึ้น แต่เกิดขึ้นจริง และประชาชนมีส่วนร่วมจริง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษ ก็ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการกว่า 100 ปี แต่ประเทศไทยจะใช้ระยะเวลาการสร้างภายใน 5 ปี เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะสามารถดำเนินการได้” นายพงศ์พร กล่าว