เจ้าของสินค้าปรับขบวนทัพ ระเบิดแคมเปญโปรโมชั่นแจกทองกระตุ้นกำลังซื้อหด หลังพบปีนี้พฤติกรรมคนไทยลงทุนทองคำเพิ่มขึ้นจาก13เป็น 19% ส่วนสินค้าเจาะวัยรุ่นเปิดแนวรบชูสินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ เอ็มพี3ยอดนิยม
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า แนวโน้มการทำโปรโมชันในปี 2549 จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งผลประกอบการให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นปีนี้สงครามการทำโปรโมชันจะมีความถี่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันมูลค่ารางวัลจะต้องโดนใจผู้บริโภค
โดยจากผลการสำรวจของทางสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย พบว่าในปี 2549 นี้ แนวโน้มพฤติกรรมของคนไทยหันมาลงทุนด้านเพชรและทองคำเพิ่มขึ้นในปี 2548 จาก 13% เป็น 19% ในปี 2549 และด้านบ้านและที่ดินเพิ่มขึ้นจาก 4% เป็น 6% และความต้องการอยากมีรถยนต์ถึง 2 คัน เพิ่มจาก 5% เป็น 7% ส่วนการบริโภคเทคโนโลยี อย่าง กล้องดิจิตอล 31% เป็น 40% เอ็มพี 3 เพิ่มขึ้นจาก 13% เป็น 36% เป็นต้น
แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้สงครามการทำโปรโมชั่นในปีนี้ โอกาสที่จะงัดของรางวัลที่กล่าวข้างต้นมาจูงใจการซื้อมีมากขึ้น อย่างตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปีนี้ ค่ายไวไวและมาม่าแม้ว่าการทำโปรโมชันแจกทองจะเป็นเรื่องปกติทุกปี แต่ปีนี้ทั้งสองค่ายต่างเทงบแคมเปญโปรโมชันแจกทองเพิ่มขึ้น นายสุชัย ตันติยาสวัสดิกุล ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสด้านการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด กล่าวว่า ปีนี้จะเห็นบรรดาเจ้าของสินค้าอัดแคมเปญโปรโมชันแจกทองมากขึ้น เนื่องจากเป็นรางวัลที่คนไทยต้องการมากที่สุด และนับวันราคาจะยิ่งขยับเพิ่มขึ้น ส่วนโอกาสราคาตกก็น้อย
สำหรับรางวัลทอปโฟร์ในปีนี้ ประกอบด้วย เงิน ทองคำ รถยนต์ และบ้าน แต่ในบรรดารางวัลจำนวนนี้ก็มีรางวัลที่สร้างภาระให้กับผู้รับ เช่น อย่างการได้รางวัลเป็นเงิน ผู้รับก็ไม่ได้รับเต็มๆแต่จะต้องเสียภาษีอีก ส่วนรถยนต์และบ้านผู้ที่ได้รับมาโอกาสในการขายก็มีสูง ขณะเดียวกันเงินที่ได้รับอาจจะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
นายบุญฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำโปรโมชันเจ้าของสินค้าจะต้องคำนึงมากขึ้น เพราะปัจจุบันทัพสินค้าทำโปรโมชันหลากหลาย ดังนั้นเมื่อจะทำโปรโมชันจะต้องดูว่า ทำแล้วถูกใจ อยู่ในความสนใจของผู้บริโภคหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจว่าผู้บริโภคคือใคร ความต้องการคืออะไร มีพฤติกรรมอย่างไร และเจ้าของสินค้าจะตอบให้ได้ว่า เราต้องการทำเพื่ออะไร เช่น อยากให้คนทดลองใช้สินค้า จะทำแคมเปญโปรโมชัน ซื้อ 1 แถม 1 ก็คงไม่สำเร็จ ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้สินค้าแบรนด์นั้นแล้ว และไม่ต้องการให้ลูกค้าหันไปใช้สินค้าแบรนด์อื่น
ขณะที่สินค้าที่จับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ก็ต้องดึงความสนใจด้วยรางวัลล่อใจอย่างกลุ่มสินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ เอ็มพี 3 และโน๊ตบุ๊ค หรือกระทั่งอาจดึงความสนใจด้วยการเหนี่ยวนำ คือ การนำเซเรบริตี้ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งก็จะชักจูงใจได้ง่ายแรงและโดน ทั้งนี้ที่ผ่านมาจะเห็นว่าบรรดาเจ้าของสินค้าซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น อย่างมิรินด้าเปิดแคมเปญโปรโมชันแจกสินค้าไอที เป็นต้น