เบสท์เวสเทิร์น ยึดฐานเอเชีย ตะลุยเปิดเพิ่มโรงแรมอีก กว่า 20 แห่ง ส่วนประเทศไทย ปีนี้เปิดเพิ่ม 4 แห่ง ยึดโลเกชั่นท่องเที่ยวเป็นหลัก เหตุนักท่องเที่ยวทั่วโลกเฮเข้ามาเที่ยวย่านเอเชียเพิ่มขึ้นทุกปี พร้อมจัดระบบเว็บไซต์ให้ลูกค้าเข้ามาจองห้องพักผ่านระบบ อี-ออนไลน์ ได้ง่ายขึ้น ตอบรับเทรนด์พฤติกรรมนักท่องเที่ยว ระบุยอดจองผ่านอินเทอร์เน็ตปีก่อน ของเบสท์เวสเทิร์น โต 21%และปีนี้เซกเมนต์นี้จะโตต่อเนื่อง ด้านรายได้ตั้งเป้าปีนี้โตอีกกว่า 20%
นายเดวิด คอง ประธานและเจ้าหน้าที่บริหาร เบสท์เวสเทิร์น อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ รับบริหารโรงแรมและทำการตลาดผ่านเครือข่าย เบสท์เวสเทิร์น ทั่วโลก กล่าวว่า แนวโน้มตลาดท่องเที่ยวโลก มีอัตราการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยมีจุดหมายปลายทางหลักอยู่ในประเทศแถบภูมิภาคเอเชีย ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ สำหรับประเทศไทย ปีนี้ บริษัท จะบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 4 แห่ง เน้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ ที่จังหวัดกาญจนบุรี เชียงใหม่ ชะอำ และเกาะกูด ซึ่งจะทำให้ถึงสิ้นปี เบสเวสเทิร์น จะมีโรงแรมในประเทศไทย เพิ่มเป็น 18 แห่ง จากปีก่อนที่มีอยู่ 14 แห่ง
ส่วนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ที่เบสท์เวสเทิร์น จะมีการขยายธุรกิจเพิ่มในปีนี้ อีก 18 แห่ง ได้แก่ เกาหลี 4 แห่ง ญี่ปุ่น 4 แห่ง มาเลเซีย 3 แห่ง อินโดนีเซีย 2 แห่ง ฟิลิปปินส์ 1 แห่ง และเวียดนาม 1 แห่ง เป็นต้น ทั้งนี้ยังไม่รวมที่จะไปเปิดที่ประเทศจีนและอินเดีย โดยโรงแรมของ เบสท์เวสเทิร์น จะมีตั้งแต่ระดับ 3-4 ดาว กลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป รวมถึง นักธุรกิจ โดยเรามีแผนเปิดโรงแรมเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-5 ปีจากนี้เป็นต้นไป และตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2553 เบสท์เวสเทิร์น จะมีโรงแรมที่บริหารในภูมิภาคเอเชียนี้กว่า 200 แห่ง
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์หลักของเบสท์เวสเทิร์น ในการเพิ่มจำนวนลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ และเพิ่มรายได้ให้เติบโต เราจะให้ความสำคัญกับช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านอินเตอร์เน็ตให้มากขึ้น ทั้งนี้เพราะได้พบว่ายอดจองห้องพักในปี 2548 มีถึง41% ของโรงแรมในเครือทั้งหมด ที่เป็นการจองผ่านเว็บไซต์ www.bestwestern.com โดยมีอัตราโตถึง 21% ในปีเราตั้งเป้าไว้ว่ายอดจองผ่านเว็บไซต์จะโตเพิ่มอีก10% โดยล่าสุดทางกลุ่มมีการปรับปรุงเว็บไซต์ ให้ผู้เข้ามาใช้บริการเกิดความสะดวกมากขึ้น ทั้งทางเลือกในการหาห้องพัก , ราคา ,วิธีการท่องเว็บ รวมทั้งกระบวนการจองห้องพักผ่านเว็บที่ง่าย
สำหรับผลประกอบการในปี 2548 เบสท์เวสเทิร์น มีรายได้รวมจากโรงแรมในเครือที่มีกระจายอยู่ทั่วโลก คิดรวมแล้วประมาณ 2.8 แสนล้านบาท ซึ่งปีนี้จะเติบโตอีกไม่น้อยกว่า 20-25% ซึ่งรายได้หลักยังมาจากภาคพื้นยุโรปและอเมริกา เพราะมีราคาค่าห้องพักสูงกว่า โรงแรมที่อยู่ในเอเชีย แต่การขยายธุรกิจ จะให้นำหนักการเพิ่มสาขาเพิ่มมากที่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้นอกจากนี้แบรนด์เบสท์เวสเทิร์น มี การบริหาร 2 แบบ คือ 1. Best Western Travel Card เป็นบริษัทโรงแรมขนาดกลาง แห่งแรกของโลกที่มีการจำหน่ายพรีเพดการ์ดสามารถใช้บัตรนี้ชำระค่าห้องพักและค่าใช้จ่ายอื่นๆได้ทุกโรงแรมในเครือเบสท์เวสเทิร์นทั้ง4200 แห่งทั่วโลก และ2. Best Western Premierเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรมในเครือทั้งในยุโรปและเอเชียเป็นบริการอย่างเต็มรูปแบบ
ปัจจุบัน เบสท์เวสเทิร์น รับบริหารโรงแรม กว่า 4,200 แห่ง ใน 80 ประเทศทั่วโลก สำหรับในเอเชีย เบสท์เวสเทิร์น มีโรงแรมที่บริหารอยู่ราว 75 แห่ง ใน 15 ประเทศ ซึ่งแนวโน้มของเอเชีย จะเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการขยายตัวของนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทั้ง จากภูมิภาคอื่นๆ ที่เดินทางเข้ามา และ ในภูมิภาคเดียวกัน ที่เดินทางท่องเที่ยว ทั้งนี้แนวโน้มอัตราการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวมาจากทวีปเอเชียทั้งนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเทศจีนและอินเดีย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสายการบินต้นทุนต่ำ เราจะต้องขยายฐานในเอเชียและครองธุรกิจในเอเชียให้ได้