xs
xsm
sm
md
lg

"กฤษณัน งามผาติพงศ์" ผู้เติมเต็มไอทีให้เมเจอร์ฯยุคดิจิตอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกฤษณัน งามผาติพงศ์
ชื่อของ “กฤษณัน งามผาติพงศ์” หายเงียบไปจากวงการธุรกิจไทยเกือบ 1 ปี หลังจากที่เขา ได้ลาออกจากตำแหน่ง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เมื่อเดือนเมษายน 2548

แต่วันนี้ชื่อของเขากลับเข้ามาโลดแล่นในวงการธุรกิจอีกครั้ง กับการสวมหมวกใบใหม่ ในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ที่เป็นธุรกิจที่แตกต่างจากเดิมที่เคยสัมผัสมาก่อน

ในอดีตเขาเคยร่วมงานบริหารในหลายองค์กร หลายธุรกิจตั้งแต่ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดที่ บอร์เนียวเทค ปี 2527-2529 แล้วย้ายมาอยู่ที่ แมนกรุ๊ป ในตำแหน่ง คันทรี่แมเนเจอร์ ปี 2530-2534 ก่อนข้ามห้วยไปอยู่ที่บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจช่วงปี 2535-2536

กระทั่งชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากที่สุดก็คือ ช่วงปี 2537-2545 ที่มาร่วมงานกับ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการและคันทรี่แมเนเจอร์ ก่อนจะมาอยู่ที่เอไอเอส

ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชน บวกกับฝีไม้ลายมือ และสมญานามที่มีคนตั้งให้เขาว่า “มาร์เก็ต เมคเกอร์” (Market Maker) เพราะความที่เป็นนักการตลาดมักจะสร้างตลาดและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆให้กับธุรกิจที่เขาทำอยู่เสมอ ทั้งโนเกียและเอไอเอส เติบโตอย่างากในช่วงที่เขาบริหาร

สิ่งเหล่านี้จึงเข้าตา “วิชา พูลวรลักษณ์” ประธานกรรมการบริหาร เมเจอร์ฯ ที่ถึงกับชักชวนให้ กฤษณันมาร่วมงานด้วย โดยเฉพาะการยกให้เป็นแม่ทัพในการนำระบบเทคโนโลยี ไอทีต่างๆ ที่เมเจอร์ฯยังไม่แข็งแกร่งเท่าไร ให้ดีขึ้น เพื่อรองรับกับการขยายธุรกิจที่จะสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้น หลังจากที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษามาก่อนหน้านั้นไม่นาน

“ผมตั้งใจจะรีไทร์ตัวเองและไปเป็นอาจารย์สองครั้งแล้ว ครั้งแรกคือตอนที่ลาออกจากโนเกีย และครั้งที่สองตอนที่ลาออกจากเอไอเอส และต้องการพักผ่อนมีเวลาส่วนตัว เพราะต้องการมี “กฤษณันน้อย” ผมมีปัญหามีบุตรยากด้วย ผมใช้วิธีทางการแพทย์เข้ามาช่วยถึง 12 ครั้งแล้วก็ไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจกลับมาทำงานอีกครั้ง”

แม้จะเป็นธุรกิจโรงหนังที่ไม่เคยสัมผัสในแง่ของการบริหาร แต่เจ้าตัวก็บอกว่าเป็นนักดูหนังตัวยงเหมือนกัน เพราะชอบดูหนังทุกอาทิตย์อยู่แล้ว ชอบดูหนังทุกแนว อีกทั้งยังเคยมีการประสานงานกับทางเมเจอร์ฯสมัยที่ยังอยู่ที่โนเกีย จึงทำให้มั่นใจว่า จะบริหารธุรกิจได้ไม่ยาก อีกทั้งยังมีลูกทีมที่มากฝีมือร่วมด้วยอีกหลายคนที่ยกขบวนมาจากเอไอเอส

เขามองว่า ธุรกิจเอไอเอสที่เคยผ่านมือทำมาแล้วและธุรกิจโรงหนังที่เมเจอร์ฯมีสิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นธุรกิจให้บริการทั้งคู่ ไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งสิ่งที่ต้องทำก็คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจที่จะส่งผลดีต่อผู้บริโภค

“ผมมีเป้าหมายที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นในธุรกิจโรงหนังที่เมเจอร์ฯ โดยผสมผสานระหว่างระบบไอทีที่ผมเชี่ยวชาญกับความบันเทิงของการดูหนัง เช่นสร้างบริการระดับเวิลด์คลาส สร้างความสะดวกและรูปแบบใหม่ในการดูหนังเช่น ดีไอวายติ๊กเก็ท หรือฉายหนังบนหาดทราย เป็นต้นซึ่งบางอย่างก็เป็นแผนของเมเจอร์ฯอยู่แล้วที่ผมจะมาสานต่อให้ได้”

เหล่านี้คือ ภาระกิจที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญ กฤษณัน คือ ผู้ที่จะเข้ามาเติมเต็มระบบไอทีให้กับเมเจอร์ฯด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น