อิปซอสส์รุกตลาดวิจัย-โฆษณาไทย

“อิปซอสส์” เปิดธุรกิจวิจัยตลาด-โฆษณาบุกไทย พร้อมเล็งปั้นเป็นศูนย์การให้บริการระดับรีจินัล ชูให้เปิดให้บริการครบวงจร ชี้ธุรกิจวิจัยตลาดไทยโตพรวด 15% เจ้าของสินค้าต้องการความแม่นยำ ปีแรกบิลลิ่ง 50 ล้านบาท

นายริชาร์ด เมคคิ กรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิปซอสส์ เอเชียแปซิฟิก บริษัทวิจัยการตลาด-โฆษณาจากประเทศฝรั่งเศส เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจวิจัยการตลาดในภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดที่น่าสนใจโดยมีมูลค่า 2,600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 14% ของตลาดวิจัยทั่วโลก เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ขณะที่ปัจจุบันบริษัทเปิดดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียกว่า 10 ประเทศ ได้แก่ ที่ ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และล่าสุดขยายธุรกิจมาที่ประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ในลักษณะของการซื้อกิจการ ส่วนสิงคโปร์และอินเดียได้เตรียมขยายธุรกิจวิจัยด้านอื่นๆ เพิ่มเติม โดยวางเป้าหมายในปี 2550 อิปซอสส์ ต้องทำรายได้ในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นเป็น 14% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 10%

สำหรับอิปซอสส์ในไทยได้ทุ่มงบ 15 ล้านบาท และเปิดดำเนินการเดือนก.ย.2548 ที่ผ่านมา โดยบริษัทได้ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางการให้บริการงานวิจัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีลูกค้าจำนวนมากที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ประกอบด้วย เป๊ปซี่ ,โคคา-โคล่า ลอรีอัล และเนสท์เล่ ฯลฯ ซึ่งจะเกิดความคุ้มค่ากรณีที่ลูกค้าสามารถนำผลวิจัยไปใช้ร่วมกับประเทศอื่นๆ ได้

แผนการทำตลาดในไทย “ อิปซอสส์”จะเปิดบริการด้านการวิจัยอย่างครบวงจร แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ วิจัยด้านการตลาด วิจัยด้านโฆษณา และวิจัยความจงรักภักดีตราสินค้า ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าว่าในปีแรกนี้มีบิลลิ่ง 50 ล้านบาท ลูกค้า 15-20 ราย จากปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 10 ราย ได้แก่ ลอรีอัล เนสท์เล่ ฯลฯ

สภาพตลาดวิจัยในไทยมีอัตราการเติบโตที่ดีคือประมาณ 15% ต่อปี เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น สินค้าที่มีให้เลือกหลากหลาย เจ้าของสินค้าต้องการความแม่นยำในการทำตลาดเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มสินค้าที่ทุ่มงบในการวิจัยค่อนข้างมาก ได้แก่ สินค้ากลุ่มความงาม กลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มธนาคาร

ปัจจุบันอิปซอสส์เป็นบริษัทวิจัยขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชีย โดยในปี 254 9 อิปซอสส์ ตั้งเป้ามีบิลลิ่ง 100 ล้านดอลล่าร์โดยการเติบโตบริษัทส่วนหนึ่งมาจากการเข้าซื้อกิจการบริษัทวิจัยถึง 4 แห่ง ประกอบด้วย ญี่ปุ่นซื้อกิจการบริษัทเจเอสอาร์ และในจีนเข้าซื้อถึง 3 แห่ง