แบลคมอร์สเบนทิศอาหารเสริม จัดกิจกรรมจ๊าบเจาะกลุ่มวัยโจ๋

แบลคมอร์สทุ่มงบตลาดปีนี้กว่า 50 ล้านบาท หวังผลระยะยาวเล็งขยายตลาดสู่กลุ่มวัยรุ่นผ่านทางกิจกรรมต่างๆ ล่าสุดร่วมกับภาครัฐจัดการประกวดนวัตกรรมการออกกำลังกาย หวังให้คนรุ่นใหม่ออกกำลังกายมากขึ้น เล็งนำเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพรอีก 4-5 รายการ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 30%

นายศุภสินธุ์ คลองน้อย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แบลคมอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางของผู้ประกอบการธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในปีนี้มองว่าจะมีการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มวัยเรียน หรือคนรุ่นใหม่มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นเริ่มได้รับข้อมูลข่าวสารมากขึ้นจึงทำให้ทัศนคติเปลี่ยนไป และเริ่มสนใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น รวมถึงมีการวางแผนเพื่ออนาคตและใช้จ่ายเพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว ดังนั้นบริษัทฯจึงเตรียมสร้างกระแสไปยังกลุ่มดังกล่าวนี้มากขึ้น ผ่านทางการจัดกิจกรรมที่มีความแปลกใหม่

ล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดการประกวดนวัตกรรมการออกกำลังกายแห่งประเทศไทย ชิงเงินรางวัลกว่า 2.5 แสนบาท ซึ่งงานจะจัดขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ และขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่ให้ออกกำลังกายมากขึ้น นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทฯยังมีแคมเปญใหญ่อีก 1 งานที่จะร่วมมือกับภาครัฐ ขณะนี้กำลังเจรจารายละเอียดอยู่ ภายใต้งบการตลาดปีนี้กว่า 50 ล้านบาท

“ในปีนี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมหรือSocial Marketing ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทแม่ที่ยึดปรัชญานี้ ซึ่งหากตลาดหรือผู้ประกอบการายอื่นหันมาให้ความสนใจตรงจุดนี้มากขึ้น เชื่อว่าตลาดจะเติบโตขึ้นกว่านี้”

ปัจจุบันลูกค้าหลักของแบลคมอร์ส คือ กลุ่มวัยกลางคน 35-45 ปี คิดเป็น 40% รองลงมาคือกลุ่มวัยทำงานหรือในช่วง 25-35 ปี และอันดับ 3 เป็นกลุ่มวัยรุ่น

ในส่วนผลิตภัณฑ์แบลคมอร์สปัจจุบันมีกว่า 26 รายการ ในปีนี้บริษัทฯเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่ม สมุนไพรของ ตะวันตกอีก 4-5 ชนิด ซึ่งในต่างประเทศสินค้ากลุ่มนี้มีการเติบโตสูง ขณะที่ในประเทศไทย ตลาดมีมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 12%

สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 20-30% หรือมีส่วนแบ่งในตลาดเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็น 7%ของตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่า 4,500 บาท โดยแบลคมอร์สอยู่อันดับ 1 ในตลาดไวตามิน ด้วยส่วนแบ่ง 16% โดยในส่วนของตลาดรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารปีนี้คาดว่าจะเติบโต 15% เนื่องจากผู้บริโภคยังใส่ใจเรื่องสุขภาพ และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ