บาฟส์ร่วมกับ 10 บริษัทน้ำมันให้บริการน้ำมันอากาศยานที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเรียกร้องรัฐบาลกำหนดวันเปิดใช้ที่แน่นอน ยอมรับหากเลื่อนการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ จะส่งผลกระทบต่อรายได้บริษัทอย่างแน่นอน
ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ม.ค.) ได้มีพิธีลงนามในสัญญาเพื่อใช้คลังน้ำมันและบริการน้ำมันอากาศยานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับผู้ใช้บริการ 10 ราย ได้แก่ บริษัท แอร์โททาล (ประเทศไทย ) จำกัด บริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ (ไทย) จำกัด บริษัท เอสโซ่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอวิเอชั่น อิงค์ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท สิงคโปร์ ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีพี ออยล์ (ประเทศไทย ) จำกัด และบริษัท คูเวต ปิโครเลียม เอวิเอชั่น (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดหาน้ำมันอากาศยานมาให้บริการกับเครื่องบินของการบินไทย ซึ่งการลงนามในครั้งนี้ทำให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันสามารถขายน้ำมันอากาศยานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แก่สายการบินต่าง ๆ ได้โดยตรง ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีเทียบเท่ากับท่าอากาศยานในภูมิภาค เช่น ฮ่องกงและสิงคโปร์
ม.ร.ว. ศุภดิศ กล่าวว่า บริษัทต้องการให้รัฐบาลกำหนดวันเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเชิงพาณิชย์ที่แน่นอน เนื่องจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผลโดยตรงต่อการเติบโตของรายได้บริษัท เพราะหากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดใช้ในปลายเดือนมิถุนายน 2549 บริษัทก็สามารถรับรู้รายได้จากการบริการน้ำมันอากาศยานได้ทันที ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ประมาณร้อยละ 3-4 เนื่องจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีพื้นที่กว้างกว่าสนามบินดอนเมืองถึง 4 เท่า
อย่างไรก็ตาม หากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิต้องเลื่อนออกไป ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท เพราะจะครบกำหนดเวลา 1 ปี ที่บริษัทได้รับการผ่อนผันการจ่ายชำระเงินต้นคืนให้กับสถาบันการเงินในวันที่ 29 กันยายน 2549 ซึ่งบริษัทจะเจรจาเพื่อขอขยายเวลาการชำระคืนเงินต้นออกไปอีก 1 ปี เป็นวันที่ 29 กันยายน 2550 เพราะไม่เช่นนั้นบริษัทต้องรับภาระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งมั่นใจว่ากลุ่มสถาบันการเงินจะมีความเข้าใจบริษัท เนื่องจากเป็นปัจจัยที่บริษัทกำหนดไม่ได้
ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ม.ค.) ได้มีพิธีลงนามในสัญญาเพื่อใช้คลังน้ำมันและบริการน้ำมันอากาศยานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับผู้ใช้บริการ 10 ราย ได้แก่ บริษัท แอร์โททาล (ประเทศไทย ) จำกัด บริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ (ไทย) จำกัด บริษัท เอสโซ่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอวิเอชั่น อิงค์ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท สิงคโปร์ ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีพี ออยล์ (ประเทศไทย ) จำกัด และบริษัท คูเวต ปิโครเลียม เอวิเอชั่น (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดหาน้ำมันอากาศยานมาให้บริการกับเครื่องบินของการบินไทย ซึ่งการลงนามในครั้งนี้ทำให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันสามารถขายน้ำมันอากาศยานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แก่สายการบินต่าง ๆ ได้โดยตรง ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีเทียบเท่ากับท่าอากาศยานในภูมิภาค เช่น ฮ่องกงและสิงคโปร์
ม.ร.ว. ศุภดิศ กล่าวว่า บริษัทต้องการให้รัฐบาลกำหนดวันเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเชิงพาณิชย์ที่แน่นอน เนื่องจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผลโดยตรงต่อการเติบโตของรายได้บริษัท เพราะหากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดใช้ในปลายเดือนมิถุนายน 2549 บริษัทก็สามารถรับรู้รายได้จากการบริการน้ำมันอากาศยานได้ทันที ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ประมาณร้อยละ 3-4 เนื่องจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีพื้นที่กว้างกว่าสนามบินดอนเมืองถึง 4 เท่า
อย่างไรก็ตาม หากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิต้องเลื่อนออกไป ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท เพราะจะครบกำหนดเวลา 1 ปี ที่บริษัทได้รับการผ่อนผันการจ่ายชำระเงินต้นคืนให้กับสถาบันการเงินในวันที่ 29 กันยายน 2549 ซึ่งบริษัทจะเจรจาเพื่อขอขยายเวลาการชำระคืนเงินต้นออกไปอีก 1 ปี เป็นวันที่ 29 กันยายน 2550 เพราะไม่เช่นนั้นบริษัทต้องรับภาระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งมั่นใจว่ากลุ่มสถาบันการเงินจะมีความเข้าใจบริษัท เนื่องจากเป็นปัจจัยที่บริษัทกำหนดไม่ได้