“ซานมิเกล” ได้ฤกษ์เปิดเบียร์ยี่ห้อซานมิเกลสองตัวใหม่ ไลท์เบียร์โลว์แคลอรี่-พาล พิลเซน ลงสมรภูมิเซกเมนต์ใหม่แข่งช้างไลท์ ชูราคากระป๋อง 30 บาทเท่าเบียร์สิงห์หวังเจาะคนรุ่นใหม่ “ไทยเบฟฯ” ลั่นช้างไลท์ลงตลาดตามแผน เย้ยมีความได้เปรียบด้านเอเยนต์ ระบุปีนี้เทรนด์ตลาดเบียร์เซกเมนต์ใหม่เกิดขึ้นเพียบ
แหล่งข่าวจากบริษัท ซานมิเกล เบียร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์บลู ไอซ์ และเรด ฮอต เปิดเผยกับ ”ผู้จัดการรายวัน”ว่า ขณะนี้บริษัทฯได้เปิดตัวเบียร์ใหม่ 2 ตัว เบียร์ซานมิเกล ไลท์ เป็นเบียร์โลว์ แคลอรี่ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 5% และเบียร์ซานมิเกล พาล พิลเซน (PALE PILSEN) ปริมาณแอลกอฮอล์ 5% ลงสู่ตลาดเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ โดยเริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น และร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีกทั่วไป ทั้งบรรจุภัณฑ์กระป๋องและชนิดขวด
สำหรับเบียร์ทั้งสองตัวนี้ ถือว่าเป็นเบียร์เซกเมนต์ใหม่ในประเทศไทย บริษัทฯตั้งราคาจำหน่ายใกล้เคียงกับเบียร์เซกเมนต์สแตนดาร์ด อย่างบรรจุภัณฑ์กระป๋องจำหน่ายในราคาเดียวกับเบียร์สิงห์คือราว 30 บาท อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวเบียร์ใหม่ภายใต้แบรนด์”ซานมิเกล”ในปีนี้ ถือว่าเป็นการประกาศรุกตลาดเบียร์อย่างจริงจัง เพราะเป็นการนำชื่อแบรนด์”ซานมิเกล”มาทำตลาด หลังจากในปีที่ผ่านมาซานมิเกลได้เปิดตัวเบียร์บลูไอซ์และเรด ฮอต เบียร์นำร่องเพื่อทดลองตลาดไทยในช่วงแรกก่อนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การทำตลาดเบียร์อีก 2 ตัวในเครือ คือ บลู ไอซ์ ในเซกเมนต์สแตนดาร์ด และเรด ฮอตในเซกเมนต์อีโคโนมี่นั้น บริษัทฯยังคงทำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ได้รับการตอบรับมากนัก โดยบริษัทฯยังผลิตเบียร์ป้อนตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างพอร์ตเบียร์ให้มีความหลากหลายครอบคลุมมากขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันตลาดเบียร์ที่ต้องมีให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์
สำหรับเบียร์”ซานมิเกล”เป็นเบียร์ที่ได้รับความนิยม และเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่วงการน้ำเมาในประเทศฟิลิปปินส์ โดยซานมิเกลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานี้ ด้วยการทุ่มงบกว่า 4,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานในไทย เพื่อผลิตอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่นิคมอุตฯ อมตะนคร ต่อมาเข้ามาซื้อกิจการบริษัท ไทยอมฤต บริวเวอรี่ จำกัด
เบียร์ช้างข่มขวัญได้เปรียบเรื่องเอเยนต์
ด้านนายสมชัย สุทธิกุลพานิช รองกรรมผู้จัดการอาวุโส ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้าง เปิดเผยกับ ”ผู้จัดการรายวัน” กรณีที่คู่แข่งวางตลาดเบียร์ใหม่ก่อนว่า สำหรับช้างไลท์จะเปิดตัวลงสู่ตลาดตามแผนที่วางไว้คือในไตรมาสแรกของปีนี้ การที่เปิดตัวก่อนหรือหลังนั้นไม่สำคัญอยู่ที่คุณภาพของสินค้าและการทำตลาด ซึ่งเบียร์ช้างถือว่ามีความได้เปรียบในด้านเอเยนต์ที่มีมากกว่า 2,000 ราย ส่วนในเรื่องราคาขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะสูงกว่าคู่แข่งที่ตั้งราคาไว้ที่ 30 บาทต่อกระป๋องหรือไม่
“การที่คู่แข่งลงมาเล่นในเซกเมนต์เดียวกับช้างไลท์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยสร้างตลาดให้เติบโตได้เร็วขึ้น เพราะเซกเมนต์นี้เป็นเซกเมนต์ใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าแนวโน้มตลาดจะได้รับการตอบรับมากน้อยแค่ไหน โดยขณะนี้เราไม่สามารถคาดเดาว่าเซกเมนต์ใหม่นี้ปีนี้จะเติบโตเท่าไร และมีมูลค่าเท่าไรด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการแข่งขันไลท์เบียร์ปีนี้ จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงทุกช่องทางทั้งออนพรีมิสและออฟพรีมิส”
แนวโน้มตลาดเบียร์ในปีนี้จะมีเบียร์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ ทำให้เกิดเซกเมนต์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเบียร์ปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ อย่าง ไลท์ เบียร์ ถือว่าเป็นเซกเมนต์ที่มีมานานแล้วในต่างประเทศ ทั้งนี้การเปิดตัวไลท์ เบียร์ในไทย ก็เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้ดื่มที่หันมาดื่มเบียร์ดีกรีต่ำลง รวมทั้งตอบรับกับกระแสสังคม ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายตลาดเบียร์ เพื่อหากลุ่มผู้ดื่มใหม่ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งหลักๆเบียร์กลุ่มนี้เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน และคนรุ่นใหม่ที่เริ่มหัดดื่มเบียร์
ทั้งนี้เหตุผลที่มีเซกเมนต์ใหม่เกิดขึ้น เป็นเพราะภาวะการแข่งขันตลาดมีความรุนแรงมากขึ้น แต่ละค่ายจะต้องมีเบียร์ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างเซกเมนต์ใหม่ๆ เพื่อสร้างอัตราการเติบโตให้กับตลาดเบียร์โดยรวมมูลค่า 82,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ประมาณการณ์ว่าสภาพตลาดน่าจะทรงตัวหรือเติบโตเพียงเล็กน้อยประมาณ 2-3% เพราะมาตรการของภาครัฐ ขณะที่ตลาดเบียร์อีโคโนมี่มูลค่า 69,700 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตน้อยมาก ส่วนพรีเมียมมูลค่า 7,380 ล้านบาท โตถึง 3% เป็นหลัก ส่วนตลาดสแตนดาร์ดมูลค่า 4,920 ล้านบาท หดตัว 3%
แหล่งข่าวจากบริษัท ซานมิเกล เบียร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์บลู ไอซ์ และเรด ฮอต เปิดเผยกับ ”ผู้จัดการรายวัน”ว่า ขณะนี้บริษัทฯได้เปิดตัวเบียร์ใหม่ 2 ตัว เบียร์ซานมิเกล ไลท์ เป็นเบียร์โลว์ แคลอรี่ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 5% และเบียร์ซานมิเกล พาล พิลเซน (PALE PILSEN) ปริมาณแอลกอฮอล์ 5% ลงสู่ตลาดเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ โดยเริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น และร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีกทั่วไป ทั้งบรรจุภัณฑ์กระป๋องและชนิดขวด
สำหรับเบียร์ทั้งสองตัวนี้ ถือว่าเป็นเบียร์เซกเมนต์ใหม่ในประเทศไทย บริษัทฯตั้งราคาจำหน่ายใกล้เคียงกับเบียร์เซกเมนต์สแตนดาร์ด อย่างบรรจุภัณฑ์กระป๋องจำหน่ายในราคาเดียวกับเบียร์สิงห์คือราว 30 บาท อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวเบียร์ใหม่ภายใต้แบรนด์”ซานมิเกล”ในปีนี้ ถือว่าเป็นการประกาศรุกตลาดเบียร์อย่างจริงจัง เพราะเป็นการนำชื่อแบรนด์”ซานมิเกล”มาทำตลาด หลังจากในปีที่ผ่านมาซานมิเกลได้เปิดตัวเบียร์บลูไอซ์และเรด ฮอต เบียร์นำร่องเพื่อทดลองตลาดไทยในช่วงแรกก่อนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การทำตลาดเบียร์อีก 2 ตัวในเครือ คือ บลู ไอซ์ ในเซกเมนต์สแตนดาร์ด และเรด ฮอตในเซกเมนต์อีโคโนมี่นั้น บริษัทฯยังคงทำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ได้รับการตอบรับมากนัก โดยบริษัทฯยังผลิตเบียร์ป้อนตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างพอร์ตเบียร์ให้มีความหลากหลายครอบคลุมมากขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันตลาดเบียร์ที่ต้องมีให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์
สำหรับเบียร์”ซานมิเกล”เป็นเบียร์ที่ได้รับความนิยม และเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่วงการน้ำเมาในประเทศฟิลิปปินส์ โดยซานมิเกลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานี้ ด้วยการทุ่มงบกว่า 4,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานในไทย เพื่อผลิตอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่นิคมอุตฯ อมตะนคร ต่อมาเข้ามาซื้อกิจการบริษัท ไทยอมฤต บริวเวอรี่ จำกัด
เบียร์ช้างข่มขวัญได้เปรียบเรื่องเอเยนต์
ด้านนายสมชัย สุทธิกุลพานิช รองกรรมผู้จัดการอาวุโส ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้าง เปิดเผยกับ ”ผู้จัดการรายวัน” กรณีที่คู่แข่งวางตลาดเบียร์ใหม่ก่อนว่า สำหรับช้างไลท์จะเปิดตัวลงสู่ตลาดตามแผนที่วางไว้คือในไตรมาสแรกของปีนี้ การที่เปิดตัวก่อนหรือหลังนั้นไม่สำคัญอยู่ที่คุณภาพของสินค้าและการทำตลาด ซึ่งเบียร์ช้างถือว่ามีความได้เปรียบในด้านเอเยนต์ที่มีมากกว่า 2,000 ราย ส่วนในเรื่องราคาขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะสูงกว่าคู่แข่งที่ตั้งราคาไว้ที่ 30 บาทต่อกระป๋องหรือไม่
“การที่คู่แข่งลงมาเล่นในเซกเมนต์เดียวกับช้างไลท์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยสร้างตลาดให้เติบโตได้เร็วขึ้น เพราะเซกเมนต์นี้เป็นเซกเมนต์ใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าแนวโน้มตลาดจะได้รับการตอบรับมากน้อยแค่ไหน โดยขณะนี้เราไม่สามารถคาดเดาว่าเซกเมนต์ใหม่นี้ปีนี้จะเติบโตเท่าไร และมีมูลค่าเท่าไรด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการแข่งขันไลท์เบียร์ปีนี้ จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงทุกช่องทางทั้งออนพรีมิสและออฟพรีมิส”
แนวโน้มตลาดเบียร์ในปีนี้จะมีเบียร์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ ทำให้เกิดเซกเมนต์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเบียร์ปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ อย่าง ไลท์ เบียร์ ถือว่าเป็นเซกเมนต์ที่มีมานานแล้วในต่างประเทศ ทั้งนี้การเปิดตัวไลท์ เบียร์ในไทย ก็เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้ดื่มที่หันมาดื่มเบียร์ดีกรีต่ำลง รวมทั้งตอบรับกับกระแสสังคม ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายตลาดเบียร์ เพื่อหากลุ่มผู้ดื่มใหม่ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งหลักๆเบียร์กลุ่มนี้เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน และคนรุ่นใหม่ที่เริ่มหัดดื่มเบียร์
ทั้งนี้เหตุผลที่มีเซกเมนต์ใหม่เกิดขึ้น เป็นเพราะภาวะการแข่งขันตลาดมีความรุนแรงมากขึ้น แต่ละค่ายจะต้องมีเบียร์ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างเซกเมนต์ใหม่ๆ เพื่อสร้างอัตราการเติบโตให้กับตลาดเบียร์โดยรวมมูลค่า 82,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ประมาณการณ์ว่าสภาพตลาดน่าจะทรงตัวหรือเติบโตเพียงเล็กน้อยประมาณ 2-3% เพราะมาตรการของภาครัฐ ขณะที่ตลาดเบียร์อีโคโนมี่มูลค่า 69,700 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตน้อยมาก ส่วนพรีเมียมมูลค่า 7,380 ล้านบาท โตถึง 3% เป็นหลัก ส่วนตลาดสแตนดาร์ดมูลค่า 4,920 ล้านบาท หดตัว 3%