xs
xsm
sm
md
lg

"ประชา"ตั้งทีมคัดผู้ว่าททท.ใหม่ จุฑามาศมีลุ้น3เดือนโชว์ฝีมือเข้าตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ประชา "สั่งตั้งคณะกรรมการคัดสรร เลือกผู้ว่าททท.คนใหม่ หวังเสียบเข้าเรียนรู้งานก่อน คนเก่าหมดสัญญา 3 เดือน ระบุต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ เหตุรัฐบาลคาดหวังสูงในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ยัน"จุฑามาศ ศิริวรรณ"ผู้ว่าททท.คนปัจจุบันก็ยังติดโผ หากทำดีมีสิทธิลุ้นต่ออายุ

นายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะกรรมการคัดสรรผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อมาดำเนินการคัดสรรหาผู้ว่า ททท.คนใหม่ ที่จะมาดำเนินงานต่อจากนางจุฑามาศ ศิริวรรณ ที่จะหมดอายุสัญญาว่าจ้างในราวเดือน ก.ย. ปีนี้ โดยรายชื่อของคณะกรรมการฯจะถูกคัดเลือก ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ที่จะมีขึ้นในราวปลายเดือนนี้ โดยคณะกรรมการคัดสรรฯดังกล่าว จะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กรมแรงงานรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นต้น

ทั้งนี้กระบวนการคัดสรรผู้ว่าททท.คนใหม่ จะต้องให้แล้วเสร็จ และได้บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่า ททท. ก่อนที่นางจุฑามาศ จะหมดอายุสัญญา 3 เดือน เพื่อให้ได้เข้ามาเรียนรู้งานก่อนปฏิบัติจริง และสามารถทำงานได้ทันทีเมื่อได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นไปตามระเบียบการจัดจ้างผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ

สำหรับคุณสมบัติผู้ที่จะเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ว่าททท. จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด และยังต้องเป็นนักประชาสัมพันธ์ชั้นเยี่ยม เพราะหน้าที่หลักของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คือ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ ให้ต่างชาติได้รับทราบข้อมูลข่าวสารของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนรู้จักสินค้าทางการท่องเที่ยวโดยททท.จะต้องนำสินค้าท่องเที่ยวที่มีอยู่ของประเทศไทย ไปนำเสนอเชิญชวนให้ต่างชาติสนใจ ประกอบกับการคิดกิจกรรม และอีเวนต์ต่างๆ ให้เป็นจุดขายและจุดดึงดูดของคนไทยและต่างชาติ

ให้เวลา 3เดือนพิสูจน์ผลงาน
อย่างไรก็ตาม นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ซึ่งเป็นผู้ว่าททท.คนปัจจุบัน ก็มีสิทธิที่จะได้รับการต่ออายุสัญญา หาก ทุกฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยทั้งนี้ในส่วนตัวจะขอดูผลการปฏิบัติงานของนางจุฑามาศ อีกสัก 3 เดือนนับจากนี้ไป เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา คือ การคัดสรรหาผู้เหมาะสมคนใหม่ และการพิจารณาผลงานของผู้ว่า ททท.คนปัจจุบันจะทำควบคู่กันไป แต่ทั้งหมดก็ต้องดูนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เบื้องต้นคือรัฐมุ่งที่จะให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักเข้าประเทศในปีนี้อย่างแน่นอน

"การคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่า ททท.เป็นหน้าที่ของบอร์ดและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯโดยตำแหน่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รวมถึงการต่ออายุสัญญาผู้ว่าคนเก่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯก็มีสิทธิทำได้ตามอำนาจหากเห็นสมควร ซึ่งการพิจารณาทุกอย่างจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ผมจะพิจารณาอย่างยุติธรรมที่สุด " นายประชากล่าวทิ้งท้าย

ลูกหม้อ ททท.มีลุ้น 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจุฑามาศ ศิริวรรณ เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2545 ก่อนวันครบ 1 ปี เหตุการณ์ระเบิดตึกเวิลด์เทรดที่ประเทศอเมริกา หรือเหตุการณ์ 9-1-1 ( 11 ก.ย.44) โดยก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าการททท.ฝ่ายบริหาร เมื่อปี 2537 และรองผู้ว่า ททท.ฝ่ายการตลาด ในปี 2544

ผลงานที่ผ่านมา คือการนำแผนการท่องเที่ยว 9 แผนในเมืองหลักไปสู่การลงมือปฏิบัติ,การเจรจาขอเงินกู้รัฐบาลพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว (ปี 2529-2532),การปรับโครงสร้างททท.,เป็นผู้บริหารหลักของร้านค้าปลอดอากรในเมืองหรือดิวตี้ฟรีชอปชั้น 7 ห้าง WORLD TRADE CENTER และ ในช่วงเข้ารับตำแหน่งผู้ว่า ททท. มีผลงานที่สำคัญคือ การริเริ่มจัดงาน BANGKOK INTERNATIONAL FILM FESTIVAL และการแสดง"แม่น้ำของแผ่นดิน"ปีที่ 4 ชุดมหาบุรุษแห่งหิมพานต์

นอกจากนั้นยังเป็นผู้ว่าททท.คนแรก ที่เริ่มทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างจริงจัง ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับระบบการทำงานของททท. โดยเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างการดำรงตำแหน่ง และเป็นปัจจัยด้านลบที่เข้ามากระทบกับกิจการงานของการท่องเที่ยว ได้แก่ ความหวาดกลัวของนักท่องเที่ยว ในวันครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์ระเบิดตึกเวิลด์เทรด(9-1-1 )เมื่อวันที่ 11 ก.ย.45,เหตุการณ์โรคระบาด"ซาร์ส"เหตุการณ์ไข้หวัดนก เหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ และ วิกฤติภาวะน้ำมันแพง

อย่างไรก็ตาม นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ถือเป็นผู้ที่มีความสามารถด้านการตลาด เป็นผู้ที่บุกเบิกเปิดตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในประเทศไทย ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีใครสนใจ เป็นผลให้ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งตลาดหลักของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทย โดยต่อปีมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน และยังเป็นอีกผู้หนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันตัวเลขนักท่องเที่ยวมาโดยตลอด จากจำนวน 1.5 แสนในปี 2523 เป็น 1.5 ล้านในปี 2525 และ 3 ล้านในอีกไม่กี่ปีต่อมา นอกจากนั้นยังเคยเจรจากับญี่ปุ่นจนได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมา 4,400 ล้านบาทผ่านโครงการเงินกู้ OECF เพื่อนำมาใช้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทั้งที่ตอนแรกถูกปฏิเสธเพราะวัตถุประสงค์ของเงินกู้ประเภทนี้ให้กู้ได้เฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น