ขสมก. ปรับปรุงจัดระบบเส้นทางรถโดยสารประจำทางรับปีใหม่ เพื่อรองรับรถใหม่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี จำนวน 2,000 คัน คาดภายใน 9 เดือน จะออกมาวิ่งบริการได้ พร้อมทั้งปรับรูปแบบการเก็บค่าโดยสารใช้ E-Ticket (สมาร์ทการ์ด) เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดอัตรากำลังพนักงานลง จนทำให้ ขสมก.เลี้ยงตัวเองได้ต่อไป
นายโอภาส เพชรมุณี รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ในปี 2549 ขสมก.เตรียมมอบของขวัญประชาชนที่ใช้บริการรถเมล์ โดยการนำรถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิง เข้ามาวิ่งรับ-ส่ง ผู้โดยสาร 2,000 คัน ตามที่รัฐบาลและกระทรวงคมนาคม มีนโยบายเพิ่มคุณภาพชีวิตในการเดินทางที่ดีขึ้นสู่ประชาชน โดยคาดว่าภายใน 9 เดือน จะมีรถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ดังกล่าวทยอยออกมาวิ่งบริการได้ ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดหารถใหม่ทั้งหมดให้ ขสมก. ทดแทนรถโดยสารรุ่นเก่าที่จะปลดระวางออกไป
พร้อมกันนี้ ขสมก.ได้เตรียมจัดระบบเส้นทางเดินรถใหม่รองรับรถทั้ง 2,000 คัน ไว้แล้ว โดยเน้นความสะดวก สบาย ปลอดภัย และค่าโดยสารราคาประหยัด 10 บาทตลอดสาย เพื่อบริการชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เดินทางสัญจรไปมาได้อย่างคล่องตัว พร้อมกับช่วยรักษาสภาพแวดล้อมทางอากาศในเขตตัวเมืองไปด้วย โดยการจัดเส้นทางเดินรถใหม่จะเป็นระบบวงกลมชั้นใน ชั้นกลาง ชั้นนอก แบบใยแมงมุม มีรถเมล์วิ่งบริการโดยมีจุดเชื่อมต่อถึงกันหมด (NODE) ทั้งในตัวเมือง-ชานเมือง พร้อมปรับปรุงจุดต่อเชื่อมเป็น Bus Terminal มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับผู้โดยสาร เช่น พื้นที่จอดรถ ศูนย์อาหาร มินิมาร์ท เป็นต้น มีระบบตั๋วต่อใบเดียว (Single Fare) มาใช้เพิ่มความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ร้อยละ 70 เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
ส่วนด้านความปลอดภัย ประตูรถจะกว้างกว่ารถรุ่นเก่า ขึ้นด้านหน้าลงด้านหลัง ติดตั้งระบบ Senser ควบคุมการเปิด-ปิดประตูไม่ให้กระแทกหรือหนีบตัวผู้โดยสาร และติดตั้งระบบ GPS (Global Positioning System) ควบคุมการเดินรถตรวจสอบ ความถี่-ห่างของรถ สภาพการจราจรในท้องถนน การใช้ความเร็วของรถที่สามารถควบคุมพนักงานขับรถได้ โดยรถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ทั้ง 2,000 คัน จะใช้การเก็บค่าโดยสารแบบ E-Ticket (สมาร์ทการ์ด) ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดอัตรากำลังพนักงานลงได้ส่วนหนึ่ง สอดคล้องกับแผนฟื้นฟู ขสมก. ที่จะมีการปรับโครงสร้างใหม่ให้เล็กลงและการลดอัตรากำลังลง เพื่อให้ ขสมก.เลี้ยงตัวเองอยู่ได้ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นไป
นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า รถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ที่จะนำเข้ามาวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสาร นอกจากความสะดวกสบายดังกล่าวแล้ว ยังมีความทันสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปหลายด้าน เช่น ป้ายบอกเส้นทางจะใช้ระบบ Digital ที่สามารถปรับเปลี่ยนเลขสายรถได้ตลอดเวลา เมื่อมีความต้องการนำรถเข้าไปวิ่งในเส้นทางอื่น ๆ ที่มีผู้โดยสารต้องการใช้บริการมากกว่า โดยการปรับเปลี่ยนป้ายชื่อบอกเส้นทางจุดต้นทาง-ปลายทางใหม่ทันที จึงสะดวก คล่องตัวต่อการจัดการเดินรถในตัวเมืองและชานเมืองที่มีสภาพการจราจรหนาแน่น สำหรับรถโดยสารปรับอากาศยูโรทูที่ยังไม่ปลดระวางเพราะอายุการใช้งานยังไม่ครบ 10 ปี ขสมก. มีแนวทางจะนำไปวิ่งบริการเชื่อมต่อกับขนส่งมวลชนระบบรางในลักษณะขนส่งสายรอง (Feeder Line)
นายโอภาส เพชรมุณี รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ในปี 2549 ขสมก.เตรียมมอบของขวัญประชาชนที่ใช้บริการรถเมล์ โดยการนำรถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิง เข้ามาวิ่งรับ-ส่ง ผู้โดยสาร 2,000 คัน ตามที่รัฐบาลและกระทรวงคมนาคม มีนโยบายเพิ่มคุณภาพชีวิตในการเดินทางที่ดีขึ้นสู่ประชาชน โดยคาดว่าภายใน 9 เดือน จะมีรถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ดังกล่าวทยอยออกมาวิ่งบริการได้ ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดหารถใหม่ทั้งหมดให้ ขสมก. ทดแทนรถโดยสารรุ่นเก่าที่จะปลดระวางออกไป
พร้อมกันนี้ ขสมก.ได้เตรียมจัดระบบเส้นทางเดินรถใหม่รองรับรถทั้ง 2,000 คัน ไว้แล้ว โดยเน้นความสะดวก สบาย ปลอดภัย และค่าโดยสารราคาประหยัด 10 บาทตลอดสาย เพื่อบริการชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เดินทางสัญจรไปมาได้อย่างคล่องตัว พร้อมกับช่วยรักษาสภาพแวดล้อมทางอากาศในเขตตัวเมืองไปด้วย โดยการจัดเส้นทางเดินรถใหม่จะเป็นระบบวงกลมชั้นใน ชั้นกลาง ชั้นนอก แบบใยแมงมุม มีรถเมล์วิ่งบริการโดยมีจุดเชื่อมต่อถึงกันหมด (NODE) ทั้งในตัวเมือง-ชานเมือง พร้อมปรับปรุงจุดต่อเชื่อมเป็น Bus Terminal มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับผู้โดยสาร เช่น พื้นที่จอดรถ ศูนย์อาหาร มินิมาร์ท เป็นต้น มีระบบตั๋วต่อใบเดียว (Single Fare) มาใช้เพิ่มความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ร้อยละ 70 เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
ส่วนด้านความปลอดภัย ประตูรถจะกว้างกว่ารถรุ่นเก่า ขึ้นด้านหน้าลงด้านหลัง ติดตั้งระบบ Senser ควบคุมการเปิด-ปิดประตูไม่ให้กระแทกหรือหนีบตัวผู้โดยสาร และติดตั้งระบบ GPS (Global Positioning System) ควบคุมการเดินรถตรวจสอบ ความถี่-ห่างของรถ สภาพการจราจรในท้องถนน การใช้ความเร็วของรถที่สามารถควบคุมพนักงานขับรถได้ โดยรถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ทั้ง 2,000 คัน จะใช้การเก็บค่าโดยสารแบบ E-Ticket (สมาร์ทการ์ด) ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดอัตรากำลังพนักงานลงได้ส่วนหนึ่ง สอดคล้องกับแผนฟื้นฟู ขสมก. ที่จะมีการปรับโครงสร้างใหม่ให้เล็กลงและการลดอัตรากำลังลง เพื่อให้ ขสมก.เลี้ยงตัวเองอยู่ได้ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นไป
นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า รถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ที่จะนำเข้ามาวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสาร นอกจากความสะดวกสบายดังกล่าวแล้ว ยังมีความทันสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปหลายด้าน เช่น ป้ายบอกเส้นทางจะใช้ระบบ Digital ที่สามารถปรับเปลี่ยนเลขสายรถได้ตลอดเวลา เมื่อมีความต้องการนำรถเข้าไปวิ่งในเส้นทางอื่น ๆ ที่มีผู้โดยสารต้องการใช้บริการมากกว่า โดยการปรับเปลี่ยนป้ายชื่อบอกเส้นทางจุดต้นทาง-ปลายทางใหม่ทันที จึงสะดวก คล่องตัวต่อการจัดการเดินรถในตัวเมืองและชานเมืองที่มีสภาพการจราจรหนาแน่น สำหรับรถโดยสารปรับอากาศยูโรทูที่ยังไม่ปลดระวางเพราะอายุการใช้งานยังไม่ครบ 10 ปี ขสมก. มีแนวทางจะนำไปวิ่งบริการเชื่อมต่อกับขนส่งมวลชนระบบรางในลักษณะขนส่งสายรอง (Feeder Line)