แอลจีเปิดแผนตลาดเครื่องปรับอากาศรับหน้าร้อนปีจอ เตรียมจัดแคมเปญใหญ่และเกาะกระแสความดังของแดจังกึมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “ลี ยอง เอ” ผ่านภาพยนตร์โฆษณาพร้อมฉายเดือนมี.ค. นี้ ภายใต้งบการตลาดปีนี้ 200 ล้านบาท เล็งสร้างความแตกต่างด้วยการยกระดับชอปสู่ “แอลจี แกลอรี ชอป” อีก 70 แห่ง ตั้งเป้ายอดรายได้แอร์ติดผนังปีนี้โต 80%
นายสมพร จันกรีนภาวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ บริษัท แอลจี มิตร อิเลคทรอนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดในช่วงฤดูร้อนปีนี้ บริษัทฯเตรียมจัดแคมเปญใหญ่และมีแผนดึงนางเอกชื่อดังจากละครแดจังกึมของเกาหลี “ลี ยอง เอ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ในการโปรโมทสินค้าแอลจีผ่านภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งจะถ่ายทำที่ประเทศเกาหลีและเตรียมนำมาฉายในไทยช่วงเดือนมีนาคม 2549นี้ ล่าสุดขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทำสัญญาในระดับโกลบอล
สำหรับแผนการตลาดในปีนี้บริษัทฯเตรียมงบประมาณกว่า 200 ล้านบาทในการทำตลาดเครื่องปรับอากาศแอลจี ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นหากเปรียบเทียบกับปีก่อนที่ใช้ไป100 กว่าล้านบาท โดยปีนี้บริษัทฯจะเน้นการจัดรายการส่งเสริมเพื่อกระตุ้นยอดขายและการแจกของแถม เช่น โทรทัศน์ เป็นต้น
ประกอบกับปีนี้บริษัทฯมีแผนที่เปิดตัวสินค้าเครื่องปรับอากาศติดผนังทั้งระดับบนถึงล่างกว่า 23 รุ่น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ครบทุกกลุ่ม ขณะที่ระดับราคาสินค้าแอลจีจะอยู่ที่ 16,900-40,000 บาท โดยแต่ละรุ่นได้ปรับราคาเพิ่มขึ้น 5% พร้อมกันนี้ยังได้ปรับโฉมใหม่ให้ดูทันสมัยและเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ เช่น นีโพลาสม่า พลัส ที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ โดยบริษัทฯเตรียมออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้
นอกจากนี้บริษัทฯเตรียมยกระดับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแอลจีทั่วประเทศให้เป็น “แอลจี แกลอรี ชอป” อีก 70 แห่งทั่วประเทศ จากปัจจุบันมี 4 แห่ง โดยบริษัทฯจะเป็นผู้ลงทุนด้านการตกแต่งและการจัดวางสินค้าให้ดีลเลอร์ที่สนใจ เพื่อต้องการสร้างให้ร้านแอลจีมีความแตกต่างจากร้านจำหน่ายเครื่องปรับอากาศทั่วไปที่ส่วนใหญ่แข่งขันกันด้านราคา รวมถึงการให้ความสำคัญกับการผลิตแอร์เชิงพาณิชย์มากขึ้น
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายเครื่องปรับอากาศติดผนัง 1.8 แสนเครื่อง คิดเป็นรายได้ 3,200 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 80% เมื่อเทียบกับปี2548ที่มียอดขาย 1 แสนเครื่อง หรือคิดเป็นมูลค่า 1,800 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดรวมเครื่องปรับอากาศปีที่แล้วมีประมาณ 650,000 เครื่อง ผู้นำตลาด คือ มิตซูบิชิครองส่วนแบ่ง 23-25% รองมาเป็นแอลจีอยู่อันดับสองไล่เลี่ยกับพานาโซนิค ด้วยส่วนแบ่ง 16% โดยบริษัทฯตั้งเป้าว่าภายในปี 2550 แอลจีจะสามารถก้าวเป็นผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศในไทย จากการออกสินค้าใหม่, การเพิ่มช่องทางจำหน่าย ,คุณภาพของสินค้า และการบริการหลังการขาย