ชิปปิ้งยอมรับที่ผ่านมาจ่ายเงินใต้โต๊ะจริง แต่หลังจากนำระบบอีดีไอมาใช้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่มากนัก ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะอีก พร้อมยืนยันระบบอีดีไอช่วยสร้างความโปร่งใสให้กับกระบวนการทำงานมากขึ้น
นายษมาธา เมธีพุทธิ นายกสมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาตไทย กล่าวว่า จากกรณีที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้เปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับเรื่องคอร์รัปชั่นของกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้ระบุถึงชิปปิ้งซึ่งเป็นตัวแทนออกของสำหรับผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกได้เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าวด้วย เพราะต้องติดต่อในการนำเข้าส่งออกสินค้ากับหน่วยงานรัฐทั้ง 2 แห่ง ปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกเป็นตัวแทนออกของรับอนุญาตที่กรมศุลการกรให้การรับรองมีจำนวน 224 ราย และมีลูกค้าของชิปปิ้งถึง 17,822 ราย ได้จดทะเบียนเป็นที่ถูกต้อง และในแต่ละปีมีมูลค่าการส่งออกและนำเข้าอยู่ที่ 8.4 ล้านล้านบาท จากจำนวนใบขนสินค้าประมาณปีละ 5 ล้านฉบับ
ทั้งนี้ ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาได้จ่ายเงินใต้โต๊ะจริง เนื่องจากยังขาดระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐ จึงเอื้ออำนวยต่อจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่ปัจจุบันได้พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาดำเนินการส่งออกและนำเข้าสินค้า โดยไม่ต้องใช้เอกสารเพื่อลดการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่กับเอกชน จากเดิมต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น แต่ขณะนี้เอกชนจะติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพียงบางขั้นตอนเท่านั้น และที่ผ่านมาจากมูลค่าการส่งออก 1 ใบขน มีมูลค่าเรียกเก็บจากลูกค้าประมาณ 16,000 บาทต่อฉบับ ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจ่ายผลประโยชน์จำนวนมากตามที่หอการค้าได้ระบุ แต่ปัจจุบันระบบอีดีไอได้สร้างความโปร่งใสมากขึ้น รวมถึงการมีโครงการร่วมใจใสสะอาดมาใช้ โดยมีสมาชิกของสมาคมเข้าร่วมโครงการประมาณร้อยละ 84 จากสมาชิกทั้งหมด ดังนั้น จึงเชื่อว่าระบบดังกล่าวน่าจะสร้างความโปร่งใสมากขึ้น
“ตัวเลขที่หอการค้านำออกมาเผยเป็นตัวเลขที่สำรวจในปีไหนกันแน่ เพราะหลังจากนำระบบอีดีไอมาใช้จะช่วยป้องกันการทุจริตได้มาก และอาชีพชิปปิ้งซึ่งเป็นตัวแทนออกของ รัฐบาลคงจะตัดวงจรดังกล่าวไม่ได้ เพราะการดำเนินงานในบางขั้นตอนจะต้องมีชิปปิ้งซึ่งมีความรู้ในเรื่องดังกล่าวคอยประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐกับเอกชน และจะทำให้ขั้นตอนการส่งออกสะดวกรวดเร็วเสริมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งรัฐบาลได้เร่งเจรจราการค้าเสรีกับประเทศต่าง ๆ ดังนั้น จึงต้องอาศัยชิปปิ้งในการนำเข้าส่งออกสินค้า” นายษมาธา กล่าว
นายษมาธา เมธีพุทธิ นายกสมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาตไทย กล่าวว่า จากกรณีที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้เปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับเรื่องคอร์รัปชั่นของกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้ระบุถึงชิปปิ้งซึ่งเป็นตัวแทนออกของสำหรับผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกได้เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าวด้วย เพราะต้องติดต่อในการนำเข้าส่งออกสินค้ากับหน่วยงานรัฐทั้ง 2 แห่ง ปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกเป็นตัวแทนออกของรับอนุญาตที่กรมศุลการกรให้การรับรองมีจำนวน 224 ราย และมีลูกค้าของชิปปิ้งถึง 17,822 ราย ได้จดทะเบียนเป็นที่ถูกต้อง และในแต่ละปีมีมูลค่าการส่งออกและนำเข้าอยู่ที่ 8.4 ล้านล้านบาท จากจำนวนใบขนสินค้าประมาณปีละ 5 ล้านฉบับ
ทั้งนี้ ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาได้จ่ายเงินใต้โต๊ะจริง เนื่องจากยังขาดระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐ จึงเอื้ออำนวยต่อจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่ปัจจุบันได้พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาดำเนินการส่งออกและนำเข้าสินค้า โดยไม่ต้องใช้เอกสารเพื่อลดการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่กับเอกชน จากเดิมต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น แต่ขณะนี้เอกชนจะติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพียงบางขั้นตอนเท่านั้น และที่ผ่านมาจากมูลค่าการส่งออก 1 ใบขน มีมูลค่าเรียกเก็บจากลูกค้าประมาณ 16,000 บาทต่อฉบับ ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจ่ายผลประโยชน์จำนวนมากตามที่หอการค้าได้ระบุ แต่ปัจจุบันระบบอีดีไอได้สร้างความโปร่งใสมากขึ้น รวมถึงการมีโครงการร่วมใจใสสะอาดมาใช้ โดยมีสมาชิกของสมาคมเข้าร่วมโครงการประมาณร้อยละ 84 จากสมาชิกทั้งหมด ดังนั้น จึงเชื่อว่าระบบดังกล่าวน่าจะสร้างความโปร่งใสมากขึ้น
“ตัวเลขที่หอการค้านำออกมาเผยเป็นตัวเลขที่สำรวจในปีไหนกันแน่ เพราะหลังจากนำระบบอีดีไอมาใช้จะช่วยป้องกันการทุจริตได้มาก และอาชีพชิปปิ้งซึ่งเป็นตัวแทนออกของ รัฐบาลคงจะตัดวงจรดังกล่าวไม่ได้ เพราะการดำเนินงานในบางขั้นตอนจะต้องมีชิปปิ้งซึ่งมีความรู้ในเรื่องดังกล่าวคอยประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐกับเอกชน และจะทำให้ขั้นตอนการส่งออกสะดวกรวดเร็วเสริมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งรัฐบาลได้เร่งเจรจราการค้าเสรีกับประเทศต่าง ๆ ดังนั้น จึงต้องอาศัยชิปปิ้งในการนำเข้าส่งออกสินค้า” นายษมาธา กล่าว