รมช.คลังสั่งควานหาลูกหนี้นอกระบบ 63,000 ราย ไม่ติดต่อขอปรับหนี้ พร้อมตั้งคณะทำงานหาช่องปลดหนี้ให้ได้
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินคนยากจน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อหาแนวทางรองรับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับลูกหนี้ที่ยังไม่มาติดต่อสถาบันการเงินว่า จะสามารถผ่อนปรนหรือมีแนวทางอื่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มนี้ได้มากน้อยเพียงใด หลังจากที่ก่อนหน้านี้สถาบันการเงินอย่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ผ่อนปรนเงื่อนไขในการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้นอกระบบ โดยการยืดเวลาชำระหนี้ออกไปเป็น 10 ปี หรือธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทยได้อนุมัติให้นำบุคคลมาค้ำประกันหากมีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ มีลูกหนี้นอกระบบที่ไม่มาติดต่อสถาบันการเงินเพื่อกลับเข้าสู่ในระบบจำนวน 63,000 ราย มูลหนี้ประมาณ 3,800 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งไปติดตามหาตัวลูกหนี้นอกระบบกลุ่มนี้ เพื่อสอบถามรายละเอียดและหาแนวทางให้กลับเข้าสู่ในระบบโดยเร็วที่สุด โดยกำหนดให้นำข้อมูลกลับมารายงานให้ทราบอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2549
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ ต้องการทราบเหตุผลที่ชัดเจนของลูกหนี้กลุ่มนี้ว่ามีสาเหตุใดจึงไม่ติดต่อกับธนาคารและไม่ต้องการเข้าสู่ในระบบ เพื่อที่จะได้หาแนวทางช่วยเหลือให้ครอบคลุมกับความสามารถของลูกหนี้ต่อไป เพราะตามนโยบายของรัฐบาลแล้วต้องการให้ความช่วยเหลือกับลูกหนี้ทุกราย และฟื้นฟูให้สามารถมีอาชีพและดำรงชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่ปรับโครงสร้างหนี้แล้วก็แล้วกัน นายวราเทพ กล่าว
นายวราเทพ กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกหนี้นอกระบบจำนวน 2.18 แสนราย ที่ประสงค์ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินจำนวน 16,800 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้สถาบันการเงินได้ปล่อยสินเชื่อให้แล้วจำนวน 74,600 ราย มูลหนี้ 5,400 ล้านบาท ขณะที่มีลูกหนี้จำนวน 79,000 ราย มูลหนี้ 7,800 ล้านบาท ที่ไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากไม่มีความสามารถ และไม่มาติดต่อกับธนาคารจำนวน 63,000 ราย มูลหนี้ 3,800 ล้านบาท
ส่วนกรณีของคาราวานคนจนที่ดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทยที่พบว่ามีลูกหนี้นอกระบบเพิ่มเติมอีก 40,000 ราย ที่ต้องการเข้าสู่กระบวนการนั้นยังอยู่ระหว่างการรอข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยเพื่อตรวจสอบว่ามีรายชื่อลูกหนี้ซ้ำซ้อนกับที่ลงทะเบียนคนจนไว้หรือไม่ ซึ่งจะได้รับข้อมูลทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2549 เมื่อแล้วเสร็จจะได้นำเข้าสู่กระบวนการปรับหนี้ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ต่อไป
นายวราเทพ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารของรัฐต้องการให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้นั้น ยังไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้เพราะ บสย.เองมีภาระค่อนข้างมาก ที่ประชุมจึงเสนอให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปพิจารณาข้อมูลและรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้งว่ามีจำนวนลูกหนี้และมูลหนี้เท่าใดที่ต้องการให้ บสย.ช่วยค้ำประกัน แล้วจึงมาหาทางออกร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินคนยากจน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อหาแนวทางรองรับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับลูกหนี้ที่ยังไม่มาติดต่อสถาบันการเงินว่า จะสามารถผ่อนปรนหรือมีแนวทางอื่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มนี้ได้มากน้อยเพียงใด หลังจากที่ก่อนหน้านี้สถาบันการเงินอย่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ผ่อนปรนเงื่อนไขในการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้นอกระบบ โดยการยืดเวลาชำระหนี้ออกไปเป็น 10 ปี หรือธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทยได้อนุมัติให้นำบุคคลมาค้ำประกันหากมีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ มีลูกหนี้นอกระบบที่ไม่มาติดต่อสถาบันการเงินเพื่อกลับเข้าสู่ในระบบจำนวน 63,000 ราย มูลหนี้ประมาณ 3,800 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งไปติดตามหาตัวลูกหนี้นอกระบบกลุ่มนี้ เพื่อสอบถามรายละเอียดและหาแนวทางให้กลับเข้าสู่ในระบบโดยเร็วที่สุด โดยกำหนดให้นำข้อมูลกลับมารายงานให้ทราบอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2549
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ ต้องการทราบเหตุผลที่ชัดเจนของลูกหนี้กลุ่มนี้ว่ามีสาเหตุใดจึงไม่ติดต่อกับธนาคารและไม่ต้องการเข้าสู่ในระบบ เพื่อที่จะได้หาแนวทางช่วยเหลือให้ครอบคลุมกับความสามารถของลูกหนี้ต่อไป เพราะตามนโยบายของรัฐบาลแล้วต้องการให้ความช่วยเหลือกับลูกหนี้ทุกราย และฟื้นฟูให้สามารถมีอาชีพและดำรงชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่ปรับโครงสร้างหนี้แล้วก็แล้วกัน นายวราเทพ กล่าว
นายวราเทพ กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกหนี้นอกระบบจำนวน 2.18 แสนราย ที่ประสงค์ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินจำนวน 16,800 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้สถาบันการเงินได้ปล่อยสินเชื่อให้แล้วจำนวน 74,600 ราย มูลหนี้ 5,400 ล้านบาท ขณะที่มีลูกหนี้จำนวน 79,000 ราย มูลหนี้ 7,800 ล้านบาท ที่ไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากไม่มีความสามารถ และไม่มาติดต่อกับธนาคารจำนวน 63,000 ราย มูลหนี้ 3,800 ล้านบาท
ส่วนกรณีของคาราวานคนจนที่ดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทยที่พบว่ามีลูกหนี้นอกระบบเพิ่มเติมอีก 40,000 ราย ที่ต้องการเข้าสู่กระบวนการนั้นยังอยู่ระหว่างการรอข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยเพื่อตรวจสอบว่ามีรายชื่อลูกหนี้ซ้ำซ้อนกับที่ลงทะเบียนคนจนไว้หรือไม่ ซึ่งจะได้รับข้อมูลทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2549 เมื่อแล้วเสร็จจะได้นำเข้าสู่กระบวนการปรับหนี้ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ต่อไป
นายวราเทพ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารของรัฐต้องการให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้นั้น ยังไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้เพราะ บสย.เองมีภาระค่อนข้างมาก ที่ประชุมจึงเสนอให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปพิจารณาข้อมูลและรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้งว่ามีจำนวนลูกหนี้และมูลหนี้เท่าใดที่ต้องการให้ บสย.ช่วยค้ำประกัน แล้วจึงมาหาทางออกร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง