หลังจากที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้เตรียมแต่งตัวที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาตั้งแต่กลางปีนี้ กระทั่งถูกกระแสต่อต้านจากหลายฝ่าย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกลุ่มพล.ต.จำลอง ศรีเมือง รวมอยู่ด้วย
และความเคลื่อนไหวล่าสุด บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในไทย ภายใต้เครือข่ายธุรกิจของเจ้าสัวน้ำเมา “เจริญ สิริวัฒนภักดี” เตรียมเสริมทัพสินค้าด้วยการรุกตลาดสุราในกลุ่มพรีเมียมปี 2549 เสมือนเป็นนัยสำคัญในการขยายฐานจากผู้ผลิตน้ำเมารากหญ้าสู่ตลาดระดับบน เพื่อสร้างอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ และพร้อมที่จะก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเต็มตัว
แม่ทัพคนใหม่ หรือผู้ที่จะมาพลิกตำนานไทยเบฟฯจากผู้ผลิตน้ำเมาระดับรากหญ้า เหล้าขาว แม่โขง แสงโสม มังกรทอง มาสู่การเป็นผู้ผลิตเหล้าครบทุกพอร์ต คือ นายอวยชัย ตันทโอภาส ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด บริษัทที่ทำกิจกรรมการตลาดในเครือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
“จากนี้ไปไทยเบฟจะค่อยๆขยายฐานเหล้าไปสู่เซกเมนต์พรีเมียม นำร่องโดยเปิดตัวเหล้าแอดมิกซ์ระดับพรีเมียมในปลายปี ส่วนปีหน้าจะเปิดเพิ่ม 2-3 แบรนด์ และวางเป้าหมาย 3-4 ปีข้างหน้าจะเริ่มรุกตลาดเหล้าระดับสแตนดาร์ดต่อไป” คือคำกล่าวของนายอวยชัย
นั่นเป็นเพียงนโยบายทางการตลาดในเบื้องต้น หลังจากที่ได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ โดยได้ร่วมงานที่ไทยเบฟฯนี้มานานกว่า 3 ปีแล้ว ในฐานะเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดให้กับนายเจริญ สิริวัฒนภักดี
สำหรับประวัติการทำงานที่ผ่านมานับได้ว่าโชกโชนอยู่ในวงการน้ำเมาระดับโลก อย่าง บริษัท ริชมอนเด้ บางกอก จำกัด หรือบริษัทลูกในดิเอจิโอ ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สก็อตวิสกี้ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ และ บรั่นดีเฮนเนสซี่ เมื่อปี 2526 กระทั่งเมื่อปี 2545 ได้ลาออกในตำแหน่งสุดท้ายคือ กรรมการอำนวยการ
“ช่วงที่ทำงานอยู่ริชมอนเด้ ในสมัยนั้นจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิ้ล ยังมีส่วนแบ่งใกล้เคียงกับชีวาส รีกัล ของค่ายเพอร์นอต ริคาร์ด แต่ผมทำงานจนกระทั่ง แบล็ก เลเบิ้ล ขยับขึ้นเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งถึง 78% จากนั้นได้เกษียณตัวเองออกมาเมื่ออายุ 55 ปี ”
นายอวยชัย กล่าวว่า ปัจจุบันผมอายุ 57 ปี ภายหลังจากที่ได้รับความไว้วางใจจากไทยเบฟฯและให้ดำรงตำแหน่งบริหารระดับสูง ผมจะนำประสบการณ์การทำงานในบริษัทริชมอนเด้ มาปรับใช้และบริหารบริษัทไทยเบฟ โดยเน้นสร้างตราสินค้าเพื่อปูทางสู่การขยายฐานเหล้าสู่เซกเมนต์พรีเมียม นอกจากนี้ยังนำความรู้และประสบการณ์มาพัฒนาคนและแบรนด์ ภายใต้การอาศัยความได้เปรียบ ในเรื่องการเข้าใจความต้องการของผู้ดื่มคนไทยได้ดีกว่าคู่แข่งจากต่างประเทศ
ต้องจับตาดูว่า แม่ทัพที่บ่มเพาะตัวในบริษัทไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้งมากว่า 3 ปี และเริ่มทยอยปรับโครงสร้างการตลาดใหม่มาร่วม 1 ปีเต็มจะผลักดันให้ไทยเบฟเวอเรจก้าวสู่บนเวทีของการแข่งขันระดับโลกได้หรือไม่ เพราะหนทางการทำตลาดนอกเหนือจากสมรภูมิการแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลกแล้ว ภายใต้กฎระเบียบและมาตรการภาครัฐก็เป็นกลไกกำหนดทิศทางเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยรวมด้วยเช่นกัน