คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ระบุกรณีสหรัฐเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อน เช่น ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด และเรียกเก็บพันธบัตรค้ำประกันการส่งออก ขัดต่อข้อตกลงดับเบิลยูทีโอแน่นอน เตรียมเสนอ “สมคิด” เดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ทางคณะผู้แทนถาวรไทยประจำดับเบิลยูทีโอได้ส่งหนังสือชี้แจงมายังกรมการค้าต่างประเทศ โดยได้ระบุผลการพิจารณากรณีผู้ส่งออกสินค้ากุ้งของไทยถูกเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อน ทั้งภาษีการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) และการเรียกเก็บพันธบัตรค้ำประกันการส่งออก (Continous Bond) จากทางสหรัฐ ทำให้ผู้ส่งออกสินค้ากุ้งของไทยต้องแบกรับภาระต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นธรรม และการปฏิบัติของสหรัฐนี้ได้ขัดต่อแนวทางของดับเบิลยูทีโออย่างมาก ซึ่งสามารถยื่นฟ้องร้องขอความเป็นธรรมต่อดับเบิลยูทีโอได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำลังพิจารณาในรายละเอียดต่างๆ และความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าว หากเห็นว่าไทยสามารถยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าวได้ กระทรวงพาณิชย์จะส่งเรื่องให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำดับเบิลยูทีโอที่นครเจนีวาให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ ตามข้อมูลที่ทางสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งได้ระบุออกมาต่อกรณีที่ผู้ส่งออกสินค้ากุ้งต้องวางพันธบัตรค้ำประกันการส่งออกให้กับทางสหรัฐในอัตรา 100 เปอร์เซ็นต์ของอัตราอากรเอดีกุ้งนั้น ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม ผู้ส่งออกต้องวางเงินค้ำประกันไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2549-2550 จะต้องวางค้ำประกันไม่ต่ำปีละประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทมากกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผู้ส่งออกสินค้ากุ้งของไทยจะต้องแบกรับภาระตรงนี้อย่างมาก
สำหรับตัวเลขการส่งออกสินค้ากุ้งของไทยในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) มีปริมาณ 231,769 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.72 คิดเป็นมูลค่า 58,165.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.59 โดยเป็นการส่งออกไปตลาดสหรัฐ 130,764 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.79 คิดเป็นมูลค่า 32,174.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.35 ซึ่งคาดว่าการส่งออกกุ้งไปตลาดสหรัฐในปีนี้น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 35,000-40,000 ล้านบาท