ก.พลังงานยังเปิดรับฟังความเห็นประชาชน เกี่ยวกับร่างกฏหมายไฟฟ้าอีก 7 วัน ก่อนนำเสนอ ครม. ภายในเดือนนี้ พร้อมแจงสูตรคำนวนไฟฟ้าฐานระบบใหม่จะเป็นสากลมากขึ้น ระบุการที่รัฐต้องดูแลคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสาธารณูปโภคหลักของประชาชน
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานอนุกรรมการยกร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการไฟฟ้า กล่าวว่า ภายใน 7 วันนี้ ยังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เกี่ยวกับร่างกฏหมายนี้ซึ่งสามารถส่งมาเพิ่มเติมเป็นเอกสาร หลังจากนั้นจะสรุปความเห็นปรับปรุง ร่าง พ.ร.บ. แล้วจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยหากได้รับอนุมัติก็จะเป็นไปตามขั้นตอนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาต่อไป โดยสาเหตุที่ไม่มีเรื่องการดูแลกิจการก๊าซธรรมชาติใน ร่างกฏหมายนี้ก็เนื่องจาก เรื่องการดูแลก๊าซฯ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ดูแล ส่วนโครงการสร้างกิจการไฟฟ้าที่ไม่มีกำหนดไว้ ก็เพราะต้องการให้ยืดหยุ่นหากในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนจากโครงสร้าง ESB เป็นรูปแบบอื่นก็ได้แล้วตามรัฐบาลในอนาคตจะเห็นความเหมาะสม
“การที่ร่างกฏหมาย ระบุว่า คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าจะมีอิสระภายใต้การกับดูแลของรัฐบาล ไม่เหมือนการทำงานของคณะกรรมการอิสระอื่นๆ เช่น คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ก็เนื่องจาก ธุรกิจไฟฟ้าเป็นธุรกิจด้านสาธารณโภคหลัก เกี่ยวเนื่องกับความเดือดร้อนของประชาชน รัฐจึงต้องกำกับดูแลเป็นพิเศษ” นายณอคุณ กล่าว
นายณอคุณ ยังกล่าวถึงโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานในช่วง 3 ปี 2548-2551 ที่อิงระบบการคำนวณผลตอบแทนการลงทุนของ 3 การไฟฟ้า โดยอิงผลตอบแทนการลงทุน (ROIC) แทนการใช้ระบบการคำนึงถึงการลงทุนที่ใช้ทุนของ กฟผ.ร้อยละ 25 (SFR) ว่า เรื่องนี้ เนื่องจากเป็นไปตามหลักเกณฑ์สากลทั่วโลกที่เป็นอาร์โอไอซี และไม่ว่าจะเป็นการอิงรูปแบบใดก็ไม่ได้ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าฐาน 3 ปีนี้ปรับขึ้นแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการจัดรับฟังความเห็นประชาชน ในวันนี้ มีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าจะโปร่งใส เป็นธรรม และมีอิสระมากน้อยแค่ไหนหรือไม่ และบางส่วนได้แสดงความเห็นคัดค้านการกระจายหุ้น บมจ.กฟผ. ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการที่ไม่แยกระบบสายส่งจาก กฟผ.เป็นต้น รวมทั้งมีผู้ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ กฟผ.จะได้สิทธิ์ก่อสร้างโรงไฟฟ้าร้อยละ 50 ของความการไฟฟ้าในอนาคต
ด้านนายเชิดพงศ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญ โดยความต้องการไฟฟ้าในอนาคตยังมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 6-8 ต่อปี หลังจาก 3-4 ปีข้างหน้า ก็คาดว่าความต้องการไฟฟ้าจะขยาตัวไมต่ำกว่า 1,400 เมกะวัตต์ต่อปี หรือการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะมากกว่า 2-3 โรงต่อปี หรือ10 ปีข้างหน้าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มจาก 20,000 เป็น 38,000 เมกะวัตต์ การลงทุนจะสูงมาก จะเห็นได้ว่ากิจการไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมไทย คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า ก็จะเป็นผู้ที่เข้ามาดูแลหลักเกณฑ์ทั้งโครงสร้างค่าไฟฟ้า ความเป็นธรรมในการแข่งขันก่อสร้างโรงฟฟฟ้า การรับเรื่องร้องเรียนต่อผู้บริโภค รวมไปถึงเรื่องการดูแลเกี่ยวกับเขื่อน สายส่งไฟฟ้า การเชื่อมสายส่งไฟฟ้าจากเอกชนเชื่อมกับของ กฟผ. ด้วย เป้าหมายของร่างกฏหมายฉบับนี้ ก็เพื่อความมมั่นคงด้านพลังงาน การส่งเสริมการแข่งขันให้เป็นธรรม ให้ค่าไฟฟ้าเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานอนุกรรมการยกร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการไฟฟ้า กล่าวว่า ภายใน 7 วันนี้ ยังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เกี่ยวกับร่างกฏหมายนี้ซึ่งสามารถส่งมาเพิ่มเติมเป็นเอกสาร หลังจากนั้นจะสรุปความเห็นปรับปรุง ร่าง พ.ร.บ. แล้วจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยหากได้รับอนุมัติก็จะเป็นไปตามขั้นตอนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาต่อไป โดยสาเหตุที่ไม่มีเรื่องการดูแลกิจการก๊าซธรรมชาติใน ร่างกฏหมายนี้ก็เนื่องจาก เรื่องการดูแลก๊าซฯ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ดูแล ส่วนโครงการสร้างกิจการไฟฟ้าที่ไม่มีกำหนดไว้ ก็เพราะต้องการให้ยืดหยุ่นหากในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนจากโครงสร้าง ESB เป็นรูปแบบอื่นก็ได้แล้วตามรัฐบาลในอนาคตจะเห็นความเหมาะสม
“การที่ร่างกฏหมาย ระบุว่า คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าจะมีอิสระภายใต้การกับดูแลของรัฐบาล ไม่เหมือนการทำงานของคณะกรรมการอิสระอื่นๆ เช่น คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ก็เนื่องจาก ธุรกิจไฟฟ้าเป็นธุรกิจด้านสาธารณโภคหลัก เกี่ยวเนื่องกับความเดือดร้อนของประชาชน รัฐจึงต้องกำกับดูแลเป็นพิเศษ” นายณอคุณ กล่าว
นายณอคุณ ยังกล่าวถึงโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานในช่วง 3 ปี 2548-2551 ที่อิงระบบการคำนวณผลตอบแทนการลงทุนของ 3 การไฟฟ้า โดยอิงผลตอบแทนการลงทุน (ROIC) แทนการใช้ระบบการคำนึงถึงการลงทุนที่ใช้ทุนของ กฟผ.ร้อยละ 25 (SFR) ว่า เรื่องนี้ เนื่องจากเป็นไปตามหลักเกณฑ์สากลทั่วโลกที่เป็นอาร์โอไอซี และไม่ว่าจะเป็นการอิงรูปแบบใดก็ไม่ได้ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าฐาน 3 ปีนี้ปรับขึ้นแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการจัดรับฟังความเห็นประชาชน ในวันนี้ มีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าจะโปร่งใส เป็นธรรม และมีอิสระมากน้อยแค่ไหนหรือไม่ และบางส่วนได้แสดงความเห็นคัดค้านการกระจายหุ้น บมจ.กฟผ. ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการที่ไม่แยกระบบสายส่งจาก กฟผ.เป็นต้น รวมทั้งมีผู้ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ กฟผ.จะได้สิทธิ์ก่อสร้างโรงไฟฟ้าร้อยละ 50 ของความการไฟฟ้าในอนาคต
ด้านนายเชิดพงศ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญ โดยความต้องการไฟฟ้าในอนาคตยังมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 6-8 ต่อปี หลังจาก 3-4 ปีข้างหน้า ก็คาดว่าความต้องการไฟฟ้าจะขยาตัวไมต่ำกว่า 1,400 เมกะวัตต์ต่อปี หรือการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะมากกว่า 2-3 โรงต่อปี หรือ10 ปีข้างหน้าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มจาก 20,000 เป็น 38,000 เมกะวัตต์ การลงทุนจะสูงมาก จะเห็นได้ว่ากิจการไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมไทย คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า ก็จะเป็นผู้ที่เข้ามาดูแลหลักเกณฑ์ทั้งโครงสร้างค่าไฟฟ้า ความเป็นธรรมในการแข่งขันก่อสร้างโรงฟฟฟ้า การรับเรื่องร้องเรียนต่อผู้บริโภค รวมไปถึงเรื่องการดูแลเกี่ยวกับเขื่อน สายส่งไฟฟ้า การเชื่อมสายส่งไฟฟ้าจากเอกชนเชื่อมกับของ กฟผ. ด้วย เป้าหมายของร่างกฏหมายฉบับนี้ ก็เพื่อความมมั่นคงด้านพลังงาน การส่งเสริมการแข่งขันให้เป็นธรรม ให้ค่าไฟฟ้าเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย