มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่าดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 ทุกรายการ ซึ่งถือว่ายังไม่กลับสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม มีการประเมินว่าหากสถานการณ์การเมืองนิ่ง ราคาน้ำมันไม่สูงขึ้นมาก ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะกลับคืนเข้าสู่ระดับปกติช่วงไตรมาส 1 ปีหน้าได้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายน 2548 ปรับตัวดีขึ้นจาก 86.8 ในเดือนตุลาคม เป็น 87.9 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง 3 เดือน เพราะราคาน้ำมันปรับตัวลงและสัญญาณทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออก ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในปัจจุบันและในอนาคต สะท้อนมาที่ความมั่นใจในการซื้อสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ บ้าน และการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติที่ 100 ทุกรายการ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการบริโภคในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และยังคงไม่มั่นใจในสถานการณ์ต่างๆ มากนัก นอกจากนี้ สถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนในเดือนพฤศจิกายน 2548 ยังเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นมาก แต่สถานการณ์การเมืองต้นเดือนธันวาคม 2548 ที่คลี่คลายลง ทำให้ต้องติดตามว่าดัชนีในเดือนธันวาคม 2548 จะดีขึ้นอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งหากการเมืองนิ่งและราคาน้ำมันไม่ได้ปรับสูงขึ้นมาก โดยปรับขึ้นไม่เกิน 3 บาทต่อลิตร ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็น่าจะกลับสู่ภาวะปกติในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2549
“ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการในเดือนพฤศจิกายน 2548 ปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 99.8 ใกล้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความเชื่อมั่นกลับเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น” นายธนวรรธน์ กล่าว
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวด้วยว่า จากการสำรวจความเชื่อมั่นของนักธุรกิจพบว่านักธุรกิจส่วนใหญ่มั่นใจว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีกว่าปี 2548 ทั้งยอดขาย ผลประกอบการ และกำไร แต่ยังกังวลเรื่องของราคาน้ำมัน การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 2 การแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการส่งออกลดลง ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตประมาณ 4.6–4.8
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายน 2548 ปรับตัวดีขึ้นจาก 86.8 ในเดือนตุลาคม เป็น 87.9 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง 3 เดือน เพราะราคาน้ำมันปรับตัวลงและสัญญาณทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออก ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในปัจจุบันและในอนาคต สะท้อนมาที่ความมั่นใจในการซื้อสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ บ้าน และการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติที่ 100 ทุกรายการ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการบริโภคในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และยังคงไม่มั่นใจในสถานการณ์ต่างๆ มากนัก นอกจากนี้ สถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนในเดือนพฤศจิกายน 2548 ยังเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นมาก แต่สถานการณ์การเมืองต้นเดือนธันวาคม 2548 ที่คลี่คลายลง ทำให้ต้องติดตามว่าดัชนีในเดือนธันวาคม 2548 จะดีขึ้นอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งหากการเมืองนิ่งและราคาน้ำมันไม่ได้ปรับสูงขึ้นมาก โดยปรับขึ้นไม่เกิน 3 บาทต่อลิตร ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็น่าจะกลับสู่ภาวะปกติในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2549
“ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการในเดือนพฤศจิกายน 2548 ปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 99.8 ใกล้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความเชื่อมั่นกลับเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น” นายธนวรรธน์ กล่าว
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวด้วยว่า จากการสำรวจความเชื่อมั่นของนักธุรกิจพบว่านักธุรกิจส่วนใหญ่มั่นใจว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีกว่าปี 2548 ทั้งยอดขาย ผลประกอบการ และกำไร แต่ยังกังวลเรื่องของราคาน้ำมัน การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 2 การแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการส่งออกลดลง ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตประมาณ 4.6–4.8