"สงคราม" บอสใหญ่ "ศูนย์การค้าอิมพีเรียล" ดันรุ่นที่สองเข้ามาบริหารมากขึ้น เร่งมือสร้างความต่าง หลังกระแสค้าปลีกต่างชาติรุกหนัก โอบล้อมทั้ง 2 สาขา ลาดพร้าวกับสำโรง ทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาทรีโนเวทต่อเนื่อง เน้นการเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ให้เช่าคาดปีหน้าเรียบร้อย
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าอิมพีเรียล กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มอิมพีเรียลได้เปิดทางให้คนรุ่นใหม่ในตระกูลเข้ามาบริหารงานค้าปลีกมากขึ้นซึ่งมีประมาณ 6-7 คนแล้ว ในตำแหน่งผู้บริหารระดับล่างถึงกลาง เพื่อเป็นการเปิดวิชั่นและแนวทางการทำงานใหม่ๆ ในตลาดค้าปลีกที่มีการแข่งขันกันรุนแรง เช่นเดียวกับค้าปลีกกลุ่มอื่นของไทยที่เริ่มผ่องถ่ายการบริหารเข้าสู่รุ่นที่สองหรือรุ่นที่สามกันแล้ว
อีกทั้งจากการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันนี้ ทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายต้องหาจุดแข็งและสร้างความได้เปรียบพร้อมทั้งความแตกต่างเพื่อต่อสู้กับคู่แข่ง โดยเฉพาะในรายกลางและรายเล็ก ซึ่งในส่วนของอิมพีเรียลเองนั้น ขณะนี้ได้ปรับนโยบายใหม่ โดยจะไม่เน้นการทำธุรกิจค้าปลีก แต่จะหันมาเน้นการเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ศูนย์การค้าแทน เพื่อให้ร้านค้าเข้ามาเช่าพื้นที่เป็นหลัก
"การที่ก่อนหน้านี้เรามีห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเพียง 2 สาขานั้น คือ สำโรงกับลาดพร้าว ถ้าหากว่าเรายังคงทำรีเทลคือค้าปลีกห้างต่อไปมันจะลำบาก เพราะว่าเราจะมีอำนาจในการต่อรองกับซัปพลายเออร์น้อย เพราะมีสาขาน้อยปริมาณซื้อสินค้าก็น้อยไม่เหมือนห้างอื่นที่มีสาขามาก เราจึงต้องปรับนโยบายใหม่"
ทั้งนี้อิมพีเรียลได้เริ่มดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวมาแล้วระยะหนึ่งและเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นในปีหน้านี้ ซึ่งขณะนี้ศูนย์การค้าอิมพีเรียลมี 2 สาขาคือที่ สำโรง มีพื้นที่รวมทั้งหมด 120,000 ตารางเมตร มีผู้เข้ามาเช่าพื้นที่แล้วกว่า 80% ส่วนที่ลาดพร้าวมีพื้นที่ที่เช่าไปแล้วกว่า 75% จากพื้นที่ทั้งหมด 150,000 ตารางเมตร หลังจากที่ได้ทยอยปรับโฉมและพื้นที่ของศูนย์มาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว และคาดว่าในปีหน้าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด โดยใช้งบประมาณปรับปรุงไปแล้วโดยรวมกว่า 200-300 ล้านบาท ซึ่งอาคารที่ลาดพร้าวเปิดใช้มา 8 ปีแล้ว และที่สำโรงตัวอาคารมีอายุกว่า 18 ปีแล้ว
ขณะที่พื้นที่อื่นที่บริษัทฯเตรียมนำมาพัฒนาเพื่อรองรับกับนโยบายดังกล่าวก็ยังมีอยู่โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อก่อนนี้เคยพัฒนาซูเปอร์เซฟหลายสาขาเช่นที่ ย่านลำสาลีแต่ได้เลิกไปแล้วเพราะว่าหมดสัญญาเช่า ส่วนอีกสาขาคือที่สำโรงก็อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่เช่นกัน
ล่าสุดคือ พื้นที่ในส่วนของอาคารสำนักงานที่ลาดพร้าวซึ่งงานก่อสร้างโครงสร้างเสร็จแล้ว จำนวน 2 ตึกๆละ 10,000 ตารางเมตร สูง 10 ชั้น โดยมีกลุ่มบริษัท มีเดียออฟมีเดียส์ จำกัด (มหาชน) เข้ามาเช่าพื้นที่เปิดเป็นสำนักงาน
สำหรับสาขาสำโรงที่ได้ปรับปรุงแล้วนั้นชั้นใต้ดินเป็นฟาสต์ฟู้ด ชั้นที่ 1 เป็นฟาสต์ฟู้ดและร้านค้าทั่วไป ชั้น 2 สินค้าแฟชั่น และร้านเสริมสวยเป็นหลัก ชั้นที่ 3 สินค้าแฟชั่นเป็นหลัก ชั้นที่ 4 เป็นศูนย์ไอที และโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ ส่วนชั้นที่ 5 เป็นโซนบันเทิง มีไอซ์สเก็ต ศูนย์การเรียนรู้ และมีโรงหนังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการรายเดิมคือ อีจีวี ที่จะพัฒนาและปรับปรุงใหม่ คาดว่าจะสรุปได้ปลายปีนี้ ลูกค้าเช่าพื้นที่รายใหญ่คือ บิ๊กซี กว่า 10,000 ตารางเมตร ไอที กว่า 10,000 ตารางเมตร และล่าสุดคือร้านจีพีโอ ส่วนสาขาลาดพร้าวก็ยังเหลือพื้นที่อีกเล็กน้อยเท่านั้น ละคาดว่าในปีหน้าจะปรับปรุงแล้วเสร็จ
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าอิมพีเรียล กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มอิมพีเรียลได้เปิดทางให้คนรุ่นใหม่ในตระกูลเข้ามาบริหารงานค้าปลีกมากขึ้นซึ่งมีประมาณ 6-7 คนแล้ว ในตำแหน่งผู้บริหารระดับล่างถึงกลาง เพื่อเป็นการเปิดวิชั่นและแนวทางการทำงานใหม่ๆ ในตลาดค้าปลีกที่มีการแข่งขันกันรุนแรง เช่นเดียวกับค้าปลีกกลุ่มอื่นของไทยที่เริ่มผ่องถ่ายการบริหารเข้าสู่รุ่นที่สองหรือรุ่นที่สามกันแล้ว
อีกทั้งจากการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันนี้ ทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายต้องหาจุดแข็งและสร้างความได้เปรียบพร้อมทั้งความแตกต่างเพื่อต่อสู้กับคู่แข่ง โดยเฉพาะในรายกลางและรายเล็ก ซึ่งในส่วนของอิมพีเรียลเองนั้น ขณะนี้ได้ปรับนโยบายใหม่ โดยจะไม่เน้นการทำธุรกิจค้าปลีก แต่จะหันมาเน้นการเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ศูนย์การค้าแทน เพื่อให้ร้านค้าเข้ามาเช่าพื้นที่เป็นหลัก
"การที่ก่อนหน้านี้เรามีห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเพียง 2 สาขานั้น คือ สำโรงกับลาดพร้าว ถ้าหากว่าเรายังคงทำรีเทลคือค้าปลีกห้างต่อไปมันจะลำบาก เพราะว่าเราจะมีอำนาจในการต่อรองกับซัปพลายเออร์น้อย เพราะมีสาขาน้อยปริมาณซื้อสินค้าก็น้อยไม่เหมือนห้างอื่นที่มีสาขามาก เราจึงต้องปรับนโยบายใหม่"
ทั้งนี้อิมพีเรียลได้เริ่มดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวมาแล้วระยะหนึ่งและเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นในปีหน้านี้ ซึ่งขณะนี้ศูนย์การค้าอิมพีเรียลมี 2 สาขาคือที่ สำโรง มีพื้นที่รวมทั้งหมด 120,000 ตารางเมตร มีผู้เข้ามาเช่าพื้นที่แล้วกว่า 80% ส่วนที่ลาดพร้าวมีพื้นที่ที่เช่าไปแล้วกว่า 75% จากพื้นที่ทั้งหมด 150,000 ตารางเมตร หลังจากที่ได้ทยอยปรับโฉมและพื้นที่ของศูนย์มาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว และคาดว่าในปีหน้าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด โดยใช้งบประมาณปรับปรุงไปแล้วโดยรวมกว่า 200-300 ล้านบาท ซึ่งอาคารที่ลาดพร้าวเปิดใช้มา 8 ปีแล้ว และที่สำโรงตัวอาคารมีอายุกว่า 18 ปีแล้ว
ขณะที่พื้นที่อื่นที่บริษัทฯเตรียมนำมาพัฒนาเพื่อรองรับกับนโยบายดังกล่าวก็ยังมีอยู่โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อก่อนนี้เคยพัฒนาซูเปอร์เซฟหลายสาขาเช่นที่ ย่านลำสาลีแต่ได้เลิกไปแล้วเพราะว่าหมดสัญญาเช่า ส่วนอีกสาขาคือที่สำโรงก็อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่เช่นกัน
ล่าสุดคือ พื้นที่ในส่วนของอาคารสำนักงานที่ลาดพร้าวซึ่งงานก่อสร้างโครงสร้างเสร็จแล้ว จำนวน 2 ตึกๆละ 10,000 ตารางเมตร สูง 10 ชั้น โดยมีกลุ่มบริษัท มีเดียออฟมีเดียส์ จำกัด (มหาชน) เข้ามาเช่าพื้นที่เปิดเป็นสำนักงาน
สำหรับสาขาสำโรงที่ได้ปรับปรุงแล้วนั้นชั้นใต้ดินเป็นฟาสต์ฟู้ด ชั้นที่ 1 เป็นฟาสต์ฟู้ดและร้านค้าทั่วไป ชั้น 2 สินค้าแฟชั่น และร้านเสริมสวยเป็นหลัก ชั้นที่ 3 สินค้าแฟชั่นเป็นหลัก ชั้นที่ 4 เป็นศูนย์ไอที และโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ ส่วนชั้นที่ 5 เป็นโซนบันเทิง มีไอซ์สเก็ต ศูนย์การเรียนรู้ และมีโรงหนังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการรายเดิมคือ อีจีวี ที่จะพัฒนาและปรับปรุงใหม่ คาดว่าจะสรุปได้ปลายปีนี้ ลูกค้าเช่าพื้นที่รายใหญ่คือ บิ๊กซี กว่า 10,000 ตารางเมตร ไอที กว่า 10,000 ตารางเมตร และล่าสุดคือร้านจีพีโอ ส่วนสาขาลาดพร้าวก็ยังเหลือพื้นที่อีกเล็กน้อยเท่านั้น ละคาดว่าในปีหน้าจะปรับปรุงแล้วเสร็จ