เศรษฐกิจพ่นพิษพฤติกรรมคนไทยเปลี่ยน แบรนด์รอยัลตี้ลดคนระดับกลางแห่ซื้อสินค้าเซกเมนต์อีโคโนมี่ "มิตรผล" ชี้ราคาถูกกว่า 1-2 บาท มีผลต่อการตัดสินใจซื้อแล้ว ทัพสินค้าอีโคโนมี่-เฮาส์แบรนด์พลิกวิกฤติเป็นโอกาสเปิดเกมทำตลาดกวาดยอดขาย ด้านแบรนด์ลีดเดอร์งัดกลยุทธ์ไซส์ซิ่งสกัดผู้บริโภคไหล
นายสุมาส วงศ์สุนพรัตน์ ที่ปรึกษาและนักวางกลยุทธ์ในหลายองค์กร เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้ นอกจากจะทำให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลงแล้วยังส่งผลให้ความภักดีต่อตราสินค้า หรือแบรนด์รอยัลตี้ลดลงตามไปด้วย โดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้บริโภคระดับกลาง จะคำนึงถึงปัจจัยด้านราคามากขึ้นเมื่อเทียบกับตราสินค้า โอกาสที่จะหันไปซื้อสินค้าอันดับรองลงมาจากแบรนด์ผู้นำตลาด อย่าง เบอร์ 2,3 และ4 มีสูง เพราะปกติสินค้าที่มีอันดับรองๆลงมาส่วนใหญ่ จะตั้งราคาจำหน่ายถูกกว่าแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด
แนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนแปลงไป โดยมีความภักดีต่อตราสินค้าน้อยลง จะเห็นได้อย่างชัดเจนในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนตลาดสินค้าแบรนด์เนมพฤติกรรมผู้บริโภคจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อดี และไม่ได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ โดยมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสินค้าที่เป็นอันดับรองๆลงมาหรือระดับอีโคโนมี่พลิกโอกาสในการทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น ในขณะที่แบรนด์ซึ่งเป็นผู้นำตลาดส่วนมากจะไม่ค่อยใช้กลยุทธ์ลดราคาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อมากนัก เนื่องจากการลดราคามากเกินไปจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์
ขณะนี้มีกลุ่มสินค้าหลายตัวเริ่มกลับมาทำตลาด โดยอาศัยด้านราคาที่ถูกกว่าแบรนด์ผู้นำตลาด ล่อใจกลุ่มเป้าหมายที่มีความภักดีต่อตราสินค้าน้อยลง และหันมาใช้สินค้าที่มีราคาถูกกว่า เช่น ผงปรุงรสฟ้าไทย เครื่องดื่มชูกำลังลูกทุ่ง ฯลฯ เพื่อฉวยโอกาสสร้างแบรนด์ โดยนายทัศน์ วนากรกุล รองผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท น้ำตาลมิตร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลมิตร กล่าวว่า ราคาสินค้าที่ถูกกว่า 1 -2 บาท ก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคแล้วในภาวะอย่างนี้
รายเล็กได้เปรียบกว่าเฮาส์แบรนด์
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคภายใต้เครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า โอกาสในการทำตลาดระหว่างสินค้าเฮาส์แบรนด์กับสินค้าเซกเมนต์อีโคโนมี่ใกล้เคียงกันมาก เพราะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของราคาเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบด้านช่องทางจำหน่ายแล้ว สินค้ากลุ่มอีโคโนมี่จะมีความได้เปรียบมากกว่า ในขณะที่สินค้าเฮาส์แบรนด์จะจำหน่ายเฉพาะโมเดิร์นเทรดแต่ละเชนเท่านั้น
ผู้นำผุดไซส์ซิ่งสกัดลูกค้าไหล
นายโดม เรืองสมบูรณ์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาด หจก.รวมใจโปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งเย็นเภสัช เปิดเผยว่า แม้ว่าสภาพตลาดโดยรวมจะเอื้อให้สินค้าเซกเมนต์อีโคโนมี่ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสโดยรุกขึ้นมาทำตลาดในช่วงนี้ก็ตาม ซึ่งมองว่าโอกาสที่ความภักดีตราสินค้าของผู้บริโภคลดลง และหันมาซื้อสินค้าแบรนด์รองลงมาที่มีราคาถูกกว่ามีสูง แต่ขณะเดียวกันผู้นำตลาดหรือค่ายใหญ่เองก็หันมาใช้กลยุทธ์ไซส์ซิ่ง หรือการออกบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กในราคาที่ถูกลง เพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าจ่ายเงินน้อยกว่าแต่ก็ยังมีโอกาสได้ใช้สินค้าแบรนด์นั้นๆ
ล่าสุดพอนด์สและโอเลย์เปิดตัวสกินแคร์ชนิดซองลงสู่ตลาด และมีแนวโน้มว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์อีกหลายตัวจะหันมาใช้กลยุทธ์นี้มากขึ้น จากปกติกลยุทธ์ไซส์ซิ่งใช้เพื่อต้องการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายในตลาดต่างจังหวัดเท่านั้น แต่ ณ ตอนนี้มีนัยสำคัญอยู่ด้วย เพื่อสกัดผู้บริโภคที่มีกำลังการซื้อน้อยไม่ให้หันไปใช้ตราสินค้าแบรนด์อื่นๆ โดยหลายฝ่ายมองว่าแบรนด์รองๆลงมาน่าจะทำตลาดได้มากขึ้น แต่ในสิ้นปีนี้เภสัชเองก็ยังมีผลประกอบการที่ไม่เติบโตเพิ่มขึ้น หรืออาจจะลดลงด้วยซ้ำ โดยสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด 90% และกรุงเทพฯ10%
นายสุมาส วงศ์สุนพรัตน์ ที่ปรึกษาและนักวางกลยุทธ์ในหลายองค์กร เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้ นอกจากจะทำให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลงแล้วยังส่งผลให้ความภักดีต่อตราสินค้า หรือแบรนด์รอยัลตี้ลดลงตามไปด้วย โดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้บริโภคระดับกลาง จะคำนึงถึงปัจจัยด้านราคามากขึ้นเมื่อเทียบกับตราสินค้า โอกาสที่จะหันไปซื้อสินค้าอันดับรองลงมาจากแบรนด์ผู้นำตลาด อย่าง เบอร์ 2,3 และ4 มีสูง เพราะปกติสินค้าที่มีอันดับรองๆลงมาส่วนใหญ่ จะตั้งราคาจำหน่ายถูกกว่าแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด
แนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนแปลงไป โดยมีความภักดีต่อตราสินค้าน้อยลง จะเห็นได้อย่างชัดเจนในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนตลาดสินค้าแบรนด์เนมพฤติกรรมผู้บริโภคจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อดี และไม่ได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ โดยมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสินค้าที่เป็นอันดับรองๆลงมาหรือระดับอีโคโนมี่พลิกโอกาสในการทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น ในขณะที่แบรนด์ซึ่งเป็นผู้นำตลาดส่วนมากจะไม่ค่อยใช้กลยุทธ์ลดราคาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อมากนัก เนื่องจากการลดราคามากเกินไปจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์
ขณะนี้มีกลุ่มสินค้าหลายตัวเริ่มกลับมาทำตลาด โดยอาศัยด้านราคาที่ถูกกว่าแบรนด์ผู้นำตลาด ล่อใจกลุ่มเป้าหมายที่มีความภักดีต่อตราสินค้าน้อยลง และหันมาใช้สินค้าที่มีราคาถูกกว่า เช่น ผงปรุงรสฟ้าไทย เครื่องดื่มชูกำลังลูกทุ่ง ฯลฯ เพื่อฉวยโอกาสสร้างแบรนด์ โดยนายทัศน์ วนากรกุล รองผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท น้ำตาลมิตร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลมิตร กล่าวว่า ราคาสินค้าที่ถูกกว่า 1 -2 บาท ก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคแล้วในภาวะอย่างนี้
รายเล็กได้เปรียบกว่าเฮาส์แบรนด์
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคภายใต้เครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า โอกาสในการทำตลาดระหว่างสินค้าเฮาส์แบรนด์กับสินค้าเซกเมนต์อีโคโนมี่ใกล้เคียงกันมาก เพราะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของราคาเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบด้านช่องทางจำหน่ายแล้ว สินค้ากลุ่มอีโคโนมี่จะมีความได้เปรียบมากกว่า ในขณะที่สินค้าเฮาส์แบรนด์จะจำหน่ายเฉพาะโมเดิร์นเทรดแต่ละเชนเท่านั้น
ผู้นำผุดไซส์ซิ่งสกัดลูกค้าไหล
นายโดม เรืองสมบูรณ์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาด หจก.รวมใจโปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งเย็นเภสัช เปิดเผยว่า แม้ว่าสภาพตลาดโดยรวมจะเอื้อให้สินค้าเซกเมนต์อีโคโนมี่ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสโดยรุกขึ้นมาทำตลาดในช่วงนี้ก็ตาม ซึ่งมองว่าโอกาสที่ความภักดีตราสินค้าของผู้บริโภคลดลง และหันมาซื้อสินค้าแบรนด์รองลงมาที่มีราคาถูกกว่ามีสูง แต่ขณะเดียวกันผู้นำตลาดหรือค่ายใหญ่เองก็หันมาใช้กลยุทธ์ไซส์ซิ่ง หรือการออกบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กในราคาที่ถูกลง เพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าจ่ายเงินน้อยกว่าแต่ก็ยังมีโอกาสได้ใช้สินค้าแบรนด์นั้นๆ
ล่าสุดพอนด์สและโอเลย์เปิดตัวสกินแคร์ชนิดซองลงสู่ตลาด และมีแนวโน้มว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์อีกหลายตัวจะหันมาใช้กลยุทธ์นี้มากขึ้น จากปกติกลยุทธ์ไซส์ซิ่งใช้เพื่อต้องการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายในตลาดต่างจังหวัดเท่านั้น แต่ ณ ตอนนี้มีนัยสำคัญอยู่ด้วย เพื่อสกัดผู้บริโภคที่มีกำลังการซื้อน้อยไม่ให้หันไปใช้ตราสินค้าแบรนด์อื่นๆ โดยหลายฝ่ายมองว่าแบรนด์รองๆลงมาน่าจะทำตลาดได้มากขึ้น แต่ในสิ้นปีนี้เภสัชเองก็ยังมีผลประกอบการที่ไม่เติบโตเพิ่มขึ้น หรืออาจจะลดลงด้วยซ้ำ โดยสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด 90% และกรุงเทพฯ10%