xs
xsm
sm
md
lg

เห็นการเปลี่ยนแปลงคือเห็นโอกาส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักการตลาดที่จะมองเห็นโอกาสทางการตลาดได้ดีต้องเป็นคนที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงรอบด้านไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ด้านประชากรด้านสังคมและวัฒนธรรมด้านการเมืองและกฎหมายด้านเทคโนโลยีนั้น นักการตลาดต้องมองว่าการเปลี่ยนแปลงอันใดที่สร้างโอกาสทางยุทธศาสตร์ให้ธุรกิจ นั่นหมายถึงเทคโนโลยีทำให้สามารถพัฒนาธุรกิจได้หลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพของตัวสินค้า การพัฒนาการขาย การพัฒนาการบริการ และการสื่อสารการตลาดในรูปแบบใหม่ๆ ที่ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วกว่า และเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีนั้นเพิ่มโอกาสทางการตลาดได้ทุกช่วงของห่วงโซ่แห่งการสร้างคุณค่า เริ่มต้นตั้งแต่การเกิดวัตถุดิบใหม่ที่ใช้ในการผลิต ไปจนถึงการสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคด้วยการพัฒนาฐานข้อมูลของลูกค้า

ทางด้านการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรนั้น การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือสัดส่วนของหญิงและชายเปลี่ยนแปลงไป คนมีการศึกษาดีขึ้น มีความรู้เกี่ยวกับสินค้าดีขึ้น เรียนรู้หลักการในการดำเนินชีวิตมากขึ้น อายุการแต่งงานช้าลง ครอบครัวมีขนาดเล็กลง คู่สมรสมีลูกน้อยลงหรือบางครอบครัววางแผนที่จะไม่มีลูกเลย ครอบครัวขยายที่มีมากกว่าพ่อแม่ลูกมีจำนวนลดลง ครอบครัวเดี่ยวที่มีแต่พ่อแม่ลูก ไม่มีญาติคนอื่นอยู่ด้วยเลยมีจำนวนมากขึ้น ครอบครัวส่วนใหญ่ทำงานทั้งผัวทั้งเมีย โอกาสจะดูแลญาติผู้ใหญ่ หรือเลี้ยงลูกเองเป็นไปได้ยากขึ้น อัตราการหย่าร้างมากขึ้น มีพ่อเดี่ยว แม่เดี่ยวที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังหลังหย่าร้างมากขึ้น มีเพศที่สามเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนตลาดในส่วนนี้อาจจะไม่ใช่กลุ่มเล็กอีกต่อไป อัตราการเกิดของเด็กลดลง คนแก่อายุยืนขึ้น คนที่อายุเกิน 60 ทำงานหลังเกษียณ มีรายได้สองทาง ทั้งเงินเดือนจากงานใหม่หลังเกษียณและเงินบำนาญจากงานเก่า ทำให้ตลาดผู้สูงอายุน่าสนใจมากขึ้น เพราะเป็นคนสูงอายุที่รายได้ดีและสุขภาพแข็งแรง การเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากรนั้น หากคนช่างสังเกตจะมองเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นก่อให้เกิดความต้องการสินค้าใหม่ๆ บริการใหม่ๆ ใครช่างสังเกตก็จะมองเห็นความต้องการเหล่านี้ เป็นการมองเห็นโอกาสทางการตลาด เพราะสามารถที่จะนำเสนอสินค้าใหม่ๆและบริการใหม่มาตอบสนองความต้องการของประชากรที่มีลักษณะแปรเปลี่ยนไป

ทางด้านวัฒนธรรมและสังคมนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมาก เพราะการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสังคม หมายถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการดำเนินชีวิต และการเปลี่ยนแปลงค่านิยมที่เป็นหลักการในการดำเนินชีวิต และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการดำเนินชีวิตและค่านิยมก็คือที่มาของความต้องการสินค้าใหม่ๆ และบริการใหม่ที่สอดคล้องกับรูปแบบในการดำเนินชีวิตแบบใหม่ ตัวอย่างเช่นคนปัจจุบันมีเงินแต่ไม่มีเวลา สินค้าที่สามารถทำให้ผู้บริโภคประหยัดเวลาได้มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูง บริการที่รวดเร็ว ตัดช่วงเวลาของการรอคอยได้ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง คนมีจิตสำนึกเกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น เอาใจใส่เรื่องสุขภาพมากขึ้น ระมัดระวังเรื่องอาหารมากขึ้น ออกกำลังกายมากขึ้น ดูแลน้ำหนักมากขึ้น ใส่ใจตรวจร่างกายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการด้านสุขภาพ คนสมัยใหม่ไม่ยอมแพ้ธรรมชาติง่ายๆ ดังนั้นศัลยกรรมตกแต่งเพื่อความงาม และเพื่อชะลอความชราจึงเติบโตมากขึ้น คนเรามีความต้องการให้รางวัลกับตัวเองหลังจากทำงานหนักท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ธุรกิจบันเทิง นันทนาการ กีฬา และความสนุกสนานในรูปแบบต่างๆเติบโตขึ้นในหลายๆด้าน การจะเป็นนักการตลาดที่ดี จะต้องเป็นนักสังคมศาสตร์และนักมนุษยศาสตร์ที่ดี สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างใกล้ชิด มีสายตาแหลมคม มองเห็นความต้องการสินค้าใหม่ๆและบริการใหม่ๆ จากรูปแบบในการดำเนินชีวิตและค่านิยมที่แปรเปลี่ยนไป

ทางด้านการเมืองและกฏหมาย นักการตลาดจะสามารถมองเห็นโอกาสทางการตลาดได้จาก นโยบายของรัฐบาลที่เปลี่ยนไป จากการการออกกฎหมายใหม่ จากการยกเลิกกฎหมายเก่า จากการทำโครงการต่างๆของรัฐบาล ถ้าหากใครติดตามเรื่องราวเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และมีโอกาสรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองและกฎหมายก็จะเป็นคนที่ได้เปรียบคนอื่น เพราะสามารถที่จะวางแผนการตลาดให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและกฎหมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงไม่แปลกใจที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศไทยลงมาเล่นการเมืองกันมาก ถ้าไม่ลงมาเองก็ส่งลูกหลานเข้ามาลง เพื่อที่จะได้รู้ความเคลื่อนไหวทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลงกฎหมายได้ก่อนคนอื่นที่ไม่ได้อยู่วงในทางการเมือง นักธุรกิจที่เข้ามาเล่นการเมือง บางทีไม่ต้องโกง เพียงแค่ได้รู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การออกกฎหมายใหม่ หรือการออกกฎกระทรวงใหม่ก่อนคู่แข่ง และวางแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าคู่แข่งก็สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับตัวเองได้ แค่นี้ก็คุ้มแล้วกับการลงทุนหาเสียง เมื่อมีนายทุนมารวมตัวกันเล่นการเมือง นโยบายและกฎเกณฑ์ต่างๆก็จะเป็นไปในทิศทางที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนที่มีอำนาจ สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน

การวางยุทธศาสตร์ทางการตลาดนั้น นอกจากจะต้องรู้จักผู้บริโภคเป็นอย่างดีแล้ว ยังต้องรู้จักคู่แข่งเป็นอย่างดีด้วย และหากมีความสามารถในการสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกได้ครบทุกด้าน แล้วพยายามมองเห็นโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกที่เป็นบริบทของธุรกิจเหล่านั้น ย่อมทำให้สามารถวางยุทธศาสตร์ที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน การที่จะทำเช่นนี้ได้นักการตลาดต้องไม่คิดว่าการตลาดเป็นเรื่องเศรษฐศาสตร์ แต่ต้องมองการตลาดเป็นเรื่องของสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ และต้องพัฒนาตนเองให้มีความลึกซึ้งในวิทยาการทั้งสองด้านนี้ที่เป็นวิทยาการแขนงหลักของวิทยาการด้านศิลปศาสตร์ วิทยาการที่ทำให้คนเข้าใจความเป็นคน เพื่อเรียนรู้ที่จะเอาใจคน


เขียนโดย : รศ.ดร. เสรี วงษ์มณฑา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
กำลังโหลดความคิดเห็น