เครื่องนอนออสซิโนบุกไทย ตั้งเป้า 2 ปีสร้างแบรนด์ติดตลาด พร้อมเปลี่ยนทัศนคติคนไทยต่อชุดนอนให้เห็นว่าเป็นสินค้าแฟชั่นมากขึ้น ล่าสุดเปิดสาขา 2 แบบและเตรียมขยายสาขาครบ 5 แห่งภายในปี 2550 คาดยอดขายสาขาละ 5 หมื่นบาทต่อวัน จากนั้นเล็งต่อยอดธุรกิจนำสินค้าไทยวางขายผ่านร้านออสซิโนที่มีเครือข่ายกว่า 58 แห่งในเอเชีย
นางนนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอ็นเคเอ็น รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจสถาบันพัฒนาทักษะเด็กเล็ก “จิมโบรี” และธุรกิจเครื่องนอน “ออสซิโน” จากออสเตรเลีย เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดสำหรับสินค้าออสซิโนในช่วงเริ่มต้นหรือระยะ 2 ปีแรก บริษัทฯตั้งเป้าที่จะสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดก่อนภายใต้งบการตลาด 3-5% ของยอดรายได้ โดยจะเน้นการทำไดเรคเซลไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่มีหลายกลุ่ม เพื่อเปลี่ยนความคิดของผู้บริโภคคนไทยในเรื่องการใช้ผ้าปูที่นอนจากเดิมจะซื้อชุดนอน6 เดือนต่อ 1 ครั้ง ให้หันมาให้ความสำคัญและคิดว่าเป็นแฟชั่นเหมือนเสื้อผ้ามากขึ้น รวมถึงจะมีการจัดอีเวนต์ สื่อผ่านวิทยุและทำโปรโมชั่นต่างๆ
จากนั้นหลังแบรนด์ติดตลาดแล้วบริษัทฯจะมีการต่อยอดธุรกิจด้วยการนำสินค้าไทยบางรายการ เช่น เซรามิกส์ ไปวางขายผ่านร้านเครือข่ายของออสซิโน 58 แห่งในเอเชีย ซึ่งขณะนี้ทางร้านได้มีการทดลองนำสินค้าไทยมาวางขายบ้างแล้ว เช่น โฮมสปา และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำ ฯลฯ โดยคิดเป็นสัดส่วน 20% และที่เหลือเป็นสินค้าออสซิโนที่นำเข้าจากบริษัทแม่ที่ออสเตรเลีย ปัจจุบันสินค้ามีให้เลือก 8 แบรนด์ อาทิ ออสซิโม, รอยัล ซิมโพนี่ เน้นความหรูหราสไตล์ตะวันตก และเซนเซ่ เป็นแนวตะวันออก เป็นต้น ซึ่งระดับราคาเฉลี่ยชุดละ 2,500 บาท
ปัจจุบันออสซิโนมีสาขาในไทย 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งเพิ่มเปิดไปได้ 1 เดือนพบว่าการตอบรับดีมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการวันละ 200 คนและมีคน15% ของคนที่เข้ามาและตัดสินใจซื้อ โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 2พันบาทต่อครั้ง ล่าสุดบริษัทฯเปิดร้านออสซิโนสาขาที่ 2 ในรูปแบบแฟล็กชิฟ สโตร์หรือคอนเซ็ปต์สโตร์ ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว่า 400 ตารางเมตร ที่ย่านชิดลม ภายใต้งบลงทุนสาขานี้ใช้ไป 20 ล้านบาท ซึ่งสาขานี้ถือเป็นแห่งแรกในเอเชียที่มีพื้นที่มากในการทำกิจกรรมอื่นนอกเหนือจากการมาซื้อสินค้า เช่น การพักผ่อน
บริษัทฯตั้งเป้าที่จะเปิดร้านออสซิโนให้ครบ 5 สาขาในปี 2550 โดยแบ่งเป็นเปิด 2 สาขาแบบสแตนด์อโลนในปีหน้า โดยเล็งเปิดที่ปิ่นเกล้าและบางนา ภายใต้งบลงทุนในแต่ละสาขาจะใช้ประมาณ 4-5 ล้านบาท ส่วนยอดรายได้บริษัทฯคาดว่าจะมีวันละ 4-5 หมื่นบาทต่อสาขา