ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทยในปีหน้าจะเติบโตประมาณ 280,000 - 310,000 ล้านบาท โดยสินเชื่อภาคธุรกิจจะเป็นตัวแปรสำคัญ พร้อมแนะจับตาผลกระทบจาก เอฟทีเอ และปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จะส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทย
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า แม้ในปี 2549 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัวขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกต่อความต้องการสินเชื่อในภาพรวม แต่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการสินเชื่อจากภาคครัวเรือนที่มีความอ่อนไหวต่อการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยมากกว่าความต้องการขยายการลงทุนของภาคธุรกิจ ทำให้แนวโน้มสินเชื่อบ้านและสินเชื่อบัตรเครดิต น่าจะมีทิศทางที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2548
อย่างไรก็ตาม สินเชื่อของภาคธุรกิจยังคาดว่าจะขยายตัวได้ดีและเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งเสริมการขยายสินเชื่อรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2549 ไม่ให้ด้อยไปกว่าปี 2548 โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมที่ใช้กำลังการผลิตใกล้เต็มแล้ว อุตสาหกรรมที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออก การก่อสร้าง และการท่องเที่ยว ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งทำให้ในภาพรวมแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2549 น่าจะเติบโตได้ประมาณ 280,000-310,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.2-7.2
ส่วนประเด็นที่ควรจะต้องติดตามในปีหน้า ได้แก่ ผลกระทบจากการเปิดเอฟทีเอต่อความสามารถในการแข่งขันของลูกค้าสินเชื่อในภาคธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ในปัจจุบันปัญหาหนี้เอ็นพีแอลจะลดน้ำหนักลงมากจากในอดีต เนื่องจากเอ็นพีแอลที่เหลือมีความซับซ้อนของปัญหามาก อีกทั้งสภาพการแข่งขันในการขยายสินเชื่อระหว่างธนาคารพาณิชย์ที่มีความรุนแรงขึ้น บวกกับความเสี่ยงที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจได้รับผลกระทบจากแรงกดดันที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2549 ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ไทยอาจต้องปรับกลยุทธ์โดยหันมาหาตลาดสินเชื่อที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อย ซึ่งการดำเนินงานภายใต้เงื่อนไขของวัฏจักรดอกเบี้ย และสภาพการแข่งขันที่บีบคั้นดังกล่าวถือเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญสำหรับระบบการวิเคราะห์ความเสี่ยงเครดิตและระบบการบริหารความเสี่ยงที่ธนาคารพาณิชย์ไทยแต่ละแห่งได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องนับจากวิกฤติเศรษฐกิจการเงินในปี 2540
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า แม้ในปี 2549 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัวขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกต่อความต้องการสินเชื่อในภาพรวม แต่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการสินเชื่อจากภาคครัวเรือนที่มีความอ่อนไหวต่อการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยมากกว่าความต้องการขยายการลงทุนของภาคธุรกิจ ทำให้แนวโน้มสินเชื่อบ้านและสินเชื่อบัตรเครดิต น่าจะมีทิศทางที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2548
อย่างไรก็ตาม สินเชื่อของภาคธุรกิจยังคาดว่าจะขยายตัวได้ดีและเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งเสริมการขยายสินเชื่อรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2549 ไม่ให้ด้อยไปกว่าปี 2548 โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมที่ใช้กำลังการผลิตใกล้เต็มแล้ว อุตสาหกรรมที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออก การก่อสร้าง และการท่องเที่ยว ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งทำให้ในภาพรวมแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2549 น่าจะเติบโตได้ประมาณ 280,000-310,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.2-7.2
ส่วนประเด็นที่ควรจะต้องติดตามในปีหน้า ได้แก่ ผลกระทบจากการเปิดเอฟทีเอต่อความสามารถในการแข่งขันของลูกค้าสินเชื่อในภาคธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ในปัจจุบันปัญหาหนี้เอ็นพีแอลจะลดน้ำหนักลงมากจากในอดีต เนื่องจากเอ็นพีแอลที่เหลือมีความซับซ้อนของปัญหามาก อีกทั้งสภาพการแข่งขันในการขยายสินเชื่อระหว่างธนาคารพาณิชย์ที่มีความรุนแรงขึ้น บวกกับความเสี่ยงที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจได้รับผลกระทบจากแรงกดดันที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2549 ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ไทยอาจต้องปรับกลยุทธ์โดยหันมาหาตลาดสินเชื่อที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อย ซึ่งการดำเนินงานภายใต้เงื่อนไขของวัฏจักรดอกเบี้ย และสภาพการแข่งขันที่บีบคั้นดังกล่าวถือเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญสำหรับระบบการวิเคราะห์ความเสี่ยงเครดิตและระบบการบริหารความเสี่ยงที่ธนาคารพาณิชย์ไทยแต่ละแห่งได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องนับจากวิกฤติเศรษฐกิจการเงินในปี 2540