"ทักษิณ" ใช้เวทีประกาศนโยบายประเทศทันสมัย เรียกประชุมใหญ่ทูตทั่วโลก 15 ธ.ค.ออดอ้อนดึงร่วมประกวดราคาโครงการเมกะโปรเจตก์ระบบราง 4 สาย 10 เส้นทาง ยอมสุดๆ ให้ปรับรื้อ เส้นทางลงทุน ออกแบบ ราคา และระยะเวลาได้ตามใจ แต่ต้องประมูลแบบยก "แพกเกจรายเดียว" อยู่ใต้กรอบวงเงิน 5.5 แสนล้าน ฟุ้งเดือนเมษายนปีหน้าถ่ายทอดสดโชว์คนไทยทั้งประเทศ ดึงคะแนนทรท.ช่วงขาลงให้กระเตื้องเอาใจ คนกรุงต่อ ทุ่มเงิน 2 หมื่นล้านเปลี่ยนรถเมล์ร้อนเป็นรถแอร์ให้ 4 พันคัน
วันนี้( 30 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือถึงเรื่องระบบขนส่งมวลชนและเรื่ององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ว่า หลังจากที่ตนได้เสนอครม.ในเรื่องของกรอบวงเงินการเปิดประมูลโครงการเมกกะโปรเจกต์ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้า นายกรัฐมนตรีเห็นว่าควร ที่จะให้มีการเปิดประกวดราคาก่อสร้างรถไฟฟ้า 4 สาย ใน 10 เส้นทาง ที่จะเปิดให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาแข่งขันกันประกวด และเสนอราคา ในการเสนอการออกแบบ รูปแบบการลงทุน ราคาค่าก่อสร้าง และระยะเวลาการก่อสร้างทั้งหมด โดยผู้เสนอจะเป็นผู้ศึกษาความเป็นไปได้เองทั้งหมด โดยรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เข้าไปลงทุนทำการศึกษา อย่างไรก็ตามต่างชาติสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางได้ตามความเหมาะสม แต่ยังจะอยู่ในกรอบวงเงินเดิมคือ 5.5 แสนล้าน แต่การบริหารจะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ โดยรัฐเป็นผู้ลงทุนแต่จะเน้นการใช้ระบบการจ้างแบบวิธีพิเศษ( Turn Key Project )
"รถไฟฟ้าจะให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ออกแบบ ก่อสร้าง จะเกิดการแข่งขัน จะช่วยประหยัดงบประมาณขึ้นอีกเยอะ เพราะจะเกิดการแข่งขัน หากเงินลดน้อยลงก็สามารถขยายเส้นทางได้เพิ่ม และขอย้ำรัฐบาลไม่ได้ไม่มีเงินลงทุนเอง หรือมีปัญหาเรื่องเงิน" รมว.คมนาคมกล่าว
ด้านนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในวันที่ 15 ธ.ค.นี้นายกรัฐมนตรีจะเชิญทูตจากทั่วโลก โดยนายกฯจะเป็นผู้ให้ข้อมูลแนวคิด และรายละเอียดในโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์ในระบบขนส่งมวลชนระบบรางมูลค่าในกรอบวงเงิน 5.5 แสนล้านบาทเองทั้งหมด หลังจากนั้นก็จะให้ทูตไปชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุนนักธุกริจภาคเอกชนของตัวเอง ก่อนจะนำนักลงทุนกลับมาเสนอ งานศึกษา ออกแบบ ก่อสร้าง ช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้า ว่านักลงทุนมีความพร้อมที่จะรับข้อเสนอที่รัฐบาลเสนอไปอย่างไร ซึ่งทางภาคเอกชนก็สามารถเส้นทางใหม่ ขยายเส้นทางให้เพิ่มขึ้น แต่หลักการต้องไม่เกินวงเงิน 5.5 แสนล้าน และอีก 3 เดือนข้างหน้าราวเดือนเมษายน จึงจะให้มีการเปิดประกวดราคา ซึ่งในการเปิดประมูลประกวดราคา ทางรัฐบาลเห็นว่าควรจะให้แบบแพกเกจ หรือรายเดียว ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกำชับว่า การประกวดราคาจะมีการถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ว่าบริษัทใด ของประเทศไหนให้ราคาดีกว่าใครมากที่สุด
"มีหลายประเทศบริษัทให้ความสนใจ แต่ประเทศที่พอมีศักยภาพสูง เช่นญี่ปุ่น จีน และฝรั่งเศล หากได้รับเลือกอาจจะให้ทำให้ดำเนินการเป็นเฟสๆ มีการใช้บริษัทลูกบริษัทย่อย หรือซัปคอนแทร็คกับบริษัทคนไทย ก็ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่เสนอที่ดี และย้ำว่าจะมีการตรวจสอบบริษัทที่จะเข้าร่วมประมูลอย่างระเอียดไม่เกิดมีการทุจริตคอรัปชัน ต้องเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ด้านระบบราง และในวันที่ 15 นายกฯจะใช้เวทีประกาศนโยบายประเทศทันสมัยประกาศเรื่องนี้ด้วย" โฆษกรัฐบาลกล่าว
รมว.คมนาคม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้แผนการปรับปรุงการให้บริการระบบรถเมล์โดยสารสาธารณะ ในปี 49 จะมีการเปลี่ยนรถร้อน ให้เป็นรถเมล์แอร์ธรรมดาใหม่ทั้งหมด 4,000 คันบริการประชาชน ที่จะทยอยปรับเปลี่ยนให้ได้ภายใน 1 ปี โดยจะใช้งบประมาณราว 2 หมื่นล้านบาท ตกราคาคันละ 5 ล้านบาท ที่จะใช้ระบบแก๊สธรรมชาติด(เอ็นจีวี) พร้อมกับให้มีการลดชั่วโมงการทำงานของพนักงานขับรถลง เพื่อความปลอดภัย เปลี่ยนรถร้อนทั้งหมดเป็นรถเย็นที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานและต้นทุนการบริการเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับค่าโดยสาร และนายกรัฐมนตรียังได้
"ส่วนค่าโดยสารจะยังเท่าเดิม เพราะนายกรัฐมนตรีต้องการปรับเปลี่ยนตัวรถและการบริหารจัดการ และเรื่องการขาดทุนก็เป็นเรื่องที่สะสมมานาน และรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบตรงนั้น ค่าโดยสารจะขึ้นหรือไม่ จะทำการศึกษาดูก่อน และยืนยันว่ารัฐบาลมีเงินเอยะส่วนเงินจะมาจากไหนคงต้องถามสำนักงบประมาณอีกครั้ง " รมว.คมนาคมกล่าว
ทั้งนี้ รถไฟฟ้า 4 สายแรกที่จะเริ่มประมูล ประกอบด้วยสายที่ 1 รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (พญาไท-อยุธยา) สายที่ 2 รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-ตลิ่งชัน-นครปฐม) สายที่ 3 รถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) และสายที่ 4 เป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค, บางซื่อ-ท่าพระ, บางกะปิ-บางบำหรุ, บางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ) โดยทั้ง 4 สายรัฐบาลต้องการจะออกแบบทางเทคนิคให้ราคาถูกลง พร้อมกับให้สร้างเมืองบริวาร ขึ้นบริเวณรอบนอก กทม. ซึ่งที่ดินราคาไม่สูง ทั้งนี้ เมื่อทุกสายสร้างเสร็จแล้วจะใช้ระบบการบริหารระบบเดียว และสามารถเก็บค่าโดยสารทั้งระบบไม่เกิน 20 บาท โดยจะวางแผนร่วมกับการจัดการเดินรถขององค์การขนส่งมวลชนด้วย