เป็นเวลาเกือบ 4 ปีที่ “ชุมพจน์ ตันติสุนทร” เข้ามาบริหาร บริษัท สเวนเซ่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป ถือเป็นหัวเรือสำคัญกับทีมงานทั้งหมดซึ่งทำให้ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์มีสีสันและการเปลี่ยนแปลงในทางบวกที่มากมาย
จากผลการสำรวจวิจัยของบริษัทฯเองที่ทำต่อผู้บริโภคพบว่า ผู้บริโภครับรู้แบรนด์สเวนเซ่นส์หรือมี แบรนด์ อะแวร์เนสสูงในใจผู้บริโภคมากถึง 70% จากตลาดไลท์ฟาสต์ฟู้ดทั้งหมด โดยมีปัจจัยหลักๆ ที่ผู้บริโภคชื่นชอบคือ รสชาติของไอศกรีม การบริการของพนักงาน การตกแต่งร้านค้า
เป็นไปตามนโนบายของบริษัทฯที่ตั้งไว้ว่า “ยิ้มแย้มเริงร่า พูดจาฉะฉาน ทำงานกระฉับกระเฉง” ซึ่งทั้งหมดนี้จะฉายภาพผ่านทางพนักงาน ซึ่งได้ผ่านการฝึกปรือมาและผ่านการแข่งขันจากโปรแกรมการแข่งขันภายในองค์กรเองที่เรียกว่า “สเวนเซ่นส์ โอลิมปิคส์” เพื่อสร้างสปิริตกับพนักงาน
ขณะเดียวกัน สเวนเซ่นส์ เองก็เป็นแบรนด์ที่ทำยอดขายได้สูงสุดเป็นอันดับที่สองรองจากเดอะพิซซ่า เมื่อเทียบกับอาหารในกลุ่มของไมเนอร์ฯด้วยกัน แต่เป็นแบรนด์ที่มีกำไรมากเป็นอันดับที่หนึ่ง โดยปีนี้คาดว่า สเวนเซ่นส์จะมีรายได้ 1,400 ล้านบาท เติบโต 30% โดยมีส่วนแบ่งกว่า 80% ในเวลานี้ในตลาดไอศกรีมพรีเมี่ยมที่มีมูลค่าเกือบ 1,600 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 16% ของตลาดไอศกรีมโดยรวม ทั้งหมดในไทยที่มีมูลค่าประมาณ 9,850 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดหวังรายได้ 1,600 ล้านบาทเติบโต 15% เนื่องจากฐานรายได้เริ่มใหญ่ขึ้น
“ชุมพจน์” ยังมีความเชื่อมั่นว่า ตลาดร้านไอศกรีมในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ด้วยเหตุผลง่ายๆ แต่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงคือ เมืองไทยอากาศร้อนเหมาะแก่การทานไอศกรีม และปริมาณการบริโภคของคนไทยยังน้อยอยู่มากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ
ปัจจัยที่จะทำให้ตลาดโตได้ด้วยนั้นส่วนหนึ่งก็จะมาจากตัวบริษัทฯเองด้วยการงัดเกมต่างๆ เข้ามาใช้ เช่นการขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้น โดยในปีหน้ามีแผนลงทุน 120 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ 10 แห่งของบริษัทเองรวมทั้งรีโนเวตร้านเดิมด้วย และของแฟรนไชส์อีก 20 แห่ง จากปัจจุบันมีสาขาเปิดไปแล้ว 130 สาขา นอกจากนั้นจะมีการออกรสชาติใหม่ทุก 45 วัน
จุดเด่นอีกอย่างของรสชาติคือ จะมีทั้งรสชาติที่มาจากบริษัทแม่ รสชาติที่พัฒนาขึ้นในไทยเองเพื่อให้เหมาะสมกับลิ้นของคนไทย เช่น เมนูไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วงที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
ลูกเล่นใหม่ของร้านสเวนเซ่นส์ คือ การนำเอาไอศกรีม “โยเก้น ฟรุ้ตซ์” เข้ามาวางจำหน่ายในร้านสเวนเซ่นส์เริ่มเมื่อประมาณกลางปีนี้ มีเปิดบริการแล้วในร้านสเวนเซ่นส์กว่า 30 จุด และปีหน้าจะเพิ่มให้ครบ 60 จุด สำหรับโยเก้นฟรุ้ตซ์ เป็นไอศกรีมไขมันต่ำ ซึ่งจะขยายฐานกลุ่มใหม่ๆ ได้
แนวทางจากนี้ ชุมพจน์ มองไว้ว่า จะเน้นการเปิดร้านของแฟรนไชส์มากขึ้น ปัจจุบันมี แฟรนไชส์ 30 สาขา และขยายสาขาในต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย โดยปีหน้า แบ่งการเปิดสัดส่วนกรุงเทพฯ40% ต่างจังหวัด 60% ขณะเดียวกัน สิ่งที่จะทำให้แฟรนไชส์มีความแข็งแกร่งและเติบโต ชุมพจน์ ได้ปรับวิธีใหม่ด้วยการเน้นไปที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์เดิมอยู่แล้วให้ขยายสาขาเพิ่มจาก 1 เป็น 2 เป็น 3 ซึ่งเวลานี้ มีผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์อยู่รายหนึ่งที่มี เดอะพิซซ่า 3 สาขา และสเวนเซ่นส์ 3 สาขา
ภาระของ ชุมพจน์ ไม่ได้หมดเพียงแค่ตลาดในไทย เพราะว่า ขณะนี้ ไมเนอร์ฯกรุ๊ป ได้ลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากในไทยแล้ว ที่ทยอยได้มาเพิ่มอีกเช่น ประเทศทั้งในตะวันอออกกลาง ฟิลิปปินส์ จีน อินโดจีน พม่า ซึ่งขณะนี้มีเปิดในคูเวตบ้างแล้ว และปีหน้าคาดว่าจะลงหลักปักฐานที่ซาอุดิอาระเบียได้แน่