ทีแอลเอ็ม เตรียมควงแขน “ประชา”เซ็น MOU กลางเดือนหน้า จับมือเอกชน ส่งนักท่องเที่ยวเข้าไทย หลังเดินทางไปเจรจาแล้วเมื่อต้นเดือน พ.ย. ด้วยบรรยากาศชื่นมื่น เผยชูจุดขายประเทศไทยทั้งค่าครองชีพถูก บริการเยี่ยม ตีกัน คู่แข่งอย่างมาเลเซีย และออสเตรเลีย มั่นใจปีหน้าได้รับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกลุ่มลองสเตย์ไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน ตามเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน เผยสัปดาห์นี้ไปโรดโชว์ที่อังกฤษ เบื้องต้นขอคุยรายละเอียดก่อน
พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด เปิดเผยภายหลังการเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นว่า ผลการพบปะและเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาที่พักระยะยาวหรือลองสเตย์ให้กับชาวญี่ปุ่น ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นไปด้วยดี และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยประมาณกลางเดือนธันวาคม ทางรัฐบาลไทยโดยนายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะนำคณะผู้ที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนไปลงนามบันทึกสัญญาข้อตกลง หรือ MOU ในลักษณะการเป็นพันธมิตรหรือพาร์ทเนอร์ที่จะส่งลูกค้าลองสเตย์เข้ามาประเทศไทย
ทั้งนี้ขั้นตอนดำเนินงานจากนี้ทีแอลเอ็มจะจัดทำรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้นเพื่อไปนำเสนอให้กับทั้งรัฐบาลและบริษัทนำเที่ยวของญี่ปุ่น ที่ดูแลกลุ่มลูกค้าลองสเตย์ ซึ่งสิ่งที่ทางญี่ปุ่นต้องการทราบเพิ่มเติม จากที่ได้นำเสนอไปแล้วคือ เรื่องของการบริการ ซึ่งตรงนี้บริษัทฯเข้าใจดีว่า เขาต้องการนำไปเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งที่ทำธุรกิจให้บริการด้านนี้อยู่แล้ว เช่น ปีนัง ประเทศมาเลเซีย หรือ โกลโครส ประเทศออสเตรเลีย
ขณะเดียวกันจุดแข็งของเราที่ได้นำเสนอไปให้ทางญี่ปุ่นได้รับรู้คือเรื่องของความปลอดภัย และการบริการในแบบอย่างคนไทย ที่ต่างชาติชื่นชอบอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับที่ออสเตรเลียไทยถูกกว่าแน่นอน
เตรียมประชาสัมพันธ์สร้างกระแสรับรู้
สำหรับการจับมือเป็นพันธมิตรกับเอกชนญี่ปุ่นที่จะนำส่งลูกค้าลองสเตย์มาไทยนั้น ตามกรอบข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการที่ร่างไว้คือ ในส่วนของการโฆษณาโปรแกรมการเดินทาง และแพกเกจทัวร์เดินทาง ฝ่ายเอกชนญี่ปุ่นจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ขณะที่ความรับผิดชอบของทีแอลเอ็มคือ การทำประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับชาวญี่ปุ่นในกลุ่มที่เป็นเป้าหมาย ได้รับทราบถึงบริการลองสเตย์ในประเทศไทย ที่มีบริการแล้ว และมีการแสดงให้เห็นความพร้อมของสถานที่ โรงพยาบาล และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดจน การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวตามจุดต่างๆของไทยที่เป็นลองสเตย์ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งชาวญี่ปุ่นรู้จัก และเดินทางมาเที่ยวต่อปีจำนวนมาก ซึ่งก็มีที่พักไว้คอยให้บริการกับกลุ่มลองสเตย์เช่นกัน ตรงนี้เราก็จะนำออกไปประชาสัมพันธ์
“การเซ็น MOU เราจะเปิดกว้างคือเซ็นกับทุกบริษัทในญี่ปุ่น ที่สนใจส่งนักท่องเที่ยวลองสเตย์เข้ามาไทย ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 4-5 บริษัทใหญ่ๆ ที่ทำธุรกิจจับลูกค้าในกลุ่มนี้ ซึ่งการทำเช่นนี้ เพราะเราไม่ต้องการปิดกั้นโอกาสตัวเองด้วย และในสัปดาห์หน้า บริษัทที่ทำธุรกิจลองสเตย์ยักษ์ใหญ่รายหนึ่งของญี่ปุ่น จะเดินทางเข้ามาดูสถานที่ลองสเตย์ โดยจะดูในรายละเอียดของสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการ”
บุกโรดโชว์เมืองผู้ดีสัปดาห์นี้
พ.ต.อ.รวมนคร กล่าวว่า จากการไปโรดโชว์ครั้งนี้ เชื่อว่า เป้าหมายที่จะนำนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาไทยให้ได้ 1 แสนคนในปีหน้า ย่อมทำได้แน่นอน ล่าสุดในสัปดาห์นี้ จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ เพื่อโรดโชว์โครงการลองสเตย์ของประเทศไทยต่อ โดยเบื้องต้นจะเข้าหารือกับหลายกลุ่มทั้งนักธุรกิจ และหน่วยงานรัฐบาลที่ดูเรื่องลองสเตย์ ซึ่งการหารือจะเป็นเรื่องของรายละเอียด โดยส่วนหนึ่งเราจะเป็นผู้นำเสนอรูปแบบการให้บริการ และจุดเด่นในด้านต่างๆ ไว้คอยให้บริการกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ขณะเดียวกันก็จะรับฟังความต้องการของเขาด้วย เพื่อจะได้มาปรับรูปแบบให้สอดคล้องกัน เพราะเข้าใจดีว่า ลูกค้าแต่ละประเทศ จะมีรายละเอียดบางอย่างแตกต่างกันออกไปตามพฤติกรรม โดยประเทศที่จะเป็นเป้าหมายหลักของ ทีแอลเอ็ม ที่จะเข้าไปโรดโชว์ และทำตลาดลองสเตย์ ต้องมี 3 อย่างประกอบกัน คือ 1. ต้องมีเงินเดือนหรือค่าเลี้ยงดูจากรัฐบาล 2. ต้องเป็นวัยเกษียณอายุ และ 3.เป็นเมืองที่มีอากาศหนาวเย็น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวรองรับนักท่องเที่ยวลองสเตย์ มีหลายจังหวัด ที่ผู้ว่าราชการ ได้ยื่นเสนอแนะแหล่งท่องเที่ยว ที่พร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ซึ่ง ทีแอลเอ็ม และ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว จะต้องลงพื้นที่ไปพิจารณาอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเข้าไปพัฒนา และลงทุน ซึ่งหากพื้นที่ใดที่ประกาศเป็นแหล่งท่องเที่ยวลองสเตย์ ก็จะเปิดกว้างให้เอกชนและนักลงทุนต่างชาติ เข้าไปพัฒนาเรื่องของที่พัก โดยใช้วิธีจูงใจด้วยเงื่อนไขของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ตรงนี้น่าจะเกิดไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศได้ไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยนับตั้งแต่ปลายปี 2549 เป็นต้นไป
พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด เปิดเผยภายหลังการเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นว่า ผลการพบปะและเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาที่พักระยะยาวหรือลองสเตย์ให้กับชาวญี่ปุ่น ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นไปด้วยดี และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยประมาณกลางเดือนธันวาคม ทางรัฐบาลไทยโดยนายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะนำคณะผู้ที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนไปลงนามบันทึกสัญญาข้อตกลง หรือ MOU ในลักษณะการเป็นพันธมิตรหรือพาร์ทเนอร์ที่จะส่งลูกค้าลองสเตย์เข้ามาประเทศไทย
ทั้งนี้ขั้นตอนดำเนินงานจากนี้ทีแอลเอ็มจะจัดทำรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้นเพื่อไปนำเสนอให้กับทั้งรัฐบาลและบริษัทนำเที่ยวของญี่ปุ่น ที่ดูแลกลุ่มลูกค้าลองสเตย์ ซึ่งสิ่งที่ทางญี่ปุ่นต้องการทราบเพิ่มเติม จากที่ได้นำเสนอไปแล้วคือ เรื่องของการบริการ ซึ่งตรงนี้บริษัทฯเข้าใจดีว่า เขาต้องการนำไปเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งที่ทำธุรกิจให้บริการด้านนี้อยู่แล้ว เช่น ปีนัง ประเทศมาเลเซีย หรือ โกลโครส ประเทศออสเตรเลีย
ขณะเดียวกันจุดแข็งของเราที่ได้นำเสนอไปให้ทางญี่ปุ่นได้รับรู้คือเรื่องของความปลอดภัย และการบริการในแบบอย่างคนไทย ที่ต่างชาติชื่นชอบอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับที่ออสเตรเลียไทยถูกกว่าแน่นอน
เตรียมประชาสัมพันธ์สร้างกระแสรับรู้
สำหรับการจับมือเป็นพันธมิตรกับเอกชนญี่ปุ่นที่จะนำส่งลูกค้าลองสเตย์มาไทยนั้น ตามกรอบข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการที่ร่างไว้คือ ในส่วนของการโฆษณาโปรแกรมการเดินทาง และแพกเกจทัวร์เดินทาง ฝ่ายเอกชนญี่ปุ่นจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ขณะที่ความรับผิดชอบของทีแอลเอ็มคือ การทำประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับชาวญี่ปุ่นในกลุ่มที่เป็นเป้าหมาย ได้รับทราบถึงบริการลองสเตย์ในประเทศไทย ที่มีบริการแล้ว และมีการแสดงให้เห็นความพร้อมของสถานที่ โรงพยาบาล และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดจน การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวตามจุดต่างๆของไทยที่เป็นลองสเตย์ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งชาวญี่ปุ่นรู้จัก และเดินทางมาเที่ยวต่อปีจำนวนมาก ซึ่งก็มีที่พักไว้คอยให้บริการกับกลุ่มลองสเตย์เช่นกัน ตรงนี้เราก็จะนำออกไปประชาสัมพันธ์
“การเซ็น MOU เราจะเปิดกว้างคือเซ็นกับทุกบริษัทในญี่ปุ่น ที่สนใจส่งนักท่องเที่ยวลองสเตย์เข้ามาไทย ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 4-5 บริษัทใหญ่ๆ ที่ทำธุรกิจจับลูกค้าในกลุ่มนี้ ซึ่งการทำเช่นนี้ เพราะเราไม่ต้องการปิดกั้นโอกาสตัวเองด้วย และในสัปดาห์หน้า บริษัทที่ทำธุรกิจลองสเตย์ยักษ์ใหญ่รายหนึ่งของญี่ปุ่น จะเดินทางเข้ามาดูสถานที่ลองสเตย์ โดยจะดูในรายละเอียดของสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการ”
บุกโรดโชว์เมืองผู้ดีสัปดาห์นี้
พ.ต.อ.รวมนคร กล่าวว่า จากการไปโรดโชว์ครั้งนี้ เชื่อว่า เป้าหมายที่จะนำนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาไทยให้ได้ 1 แสนคนในปีหน้า ย่อมทำได้แน่นอน ล่าสุดในสัปดาห์นี้ จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ เพื่อโรดโชว์โครงการลองสเตย์ของประเทศไทยต่อ โดยเบื้องต้นจะเข้าหารือกับหลายกลุ่มทั้งนักธุรกิจ และหน่วยงานรัฐบาลที่ดูเรื่องลองสเตย์ ซึ่งการหารือจะเป็นเรื่องของรายละเอียด โดยส่วนหนึ่งเราจะเป็นผู้นำเสนอรูปแบบการให้บริการ และจุดเด่นในด้านต่างๆ ไว้คอยให้บริการกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ขณะเดียวกันก็จะรับฟังความต้องการของเขาด้วย เพื่อจะได้มาปรับรูปแบบให้สอดคล้องกัน เพราะเข้าใจดีว่า ลูกค้าแต่ละประเทศ จะมีรายละเอียดบางอย่างแตกต่างกันออกไปตามพฤติกรรม โดยประเทศที่จะเป็นเป้าหมายหลักของ ทีแอลเอ็ม ที่จะเข้าไปโรดโชว์ และทำตลาดลองสเตย์ ต้องมี 3 อย่างประกอบกัน คือ 1. ต้องมีเงินเดือนหรือค่าเลี้ยงดูจากรัฐบาล 2. ต้องเป็นวัยเกษียณอายุ และ 3.เป็นเมืองที่มีอากาศหนาวเย็น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวรองรับนักท่องเที่ยวลองสเตย์ มีหลายจังหวัด ที่ผู้ว่าราชการ ได้ยื่นเสนอแนะแหล่งท่องเที่ยว ที่พร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ซึ่ง ทีแอลเอ็ม และ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว จะต้องลงพื้นที่ไปพิจารณาอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเข้าไปพัฒนา และลงทุน ซึ่งหากพื้นที่ใดที่ประกาศเป็นแหล่งท่องเที่ยวลองสเตย์ ก็จะเปิดกว้างให้เอกชนและนักลงทุนต่างชาติ เข้าไปพัฒนาเรื่องของที่พัก โดยใช้วิธีจูงใจด้วยเงื่อนไขของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ตรงนี้น่าจะเกิดไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศได้ไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยนับตั้งแต่ปลายปี 2549 เป็นต้นไป