“เสริมสุข” ยกเครื่องน้ำดื่มคริสตัลใหม่ เทงบ 20 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “Charisma From Within” สร้างภาพลักษณ์น้ำดื่มทันสมัย ผุดกลยุทธ์เหนือชั้นชูอีโมชันนัลต่อยอด “เปล่งประกายดูดีจากภายใน” สิ้นปีโต 30% ปลื้มปีที่ผ่านมาโต 30% คุยโวขึ้นเป็นอันดับ 2 ครองแชร์ 15% ล้มช้าง-เนสท์เล่-ไทยน้ำทิพย์
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มคริสตัล เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทุ่มงบ 20 ล้านบาท ปรับภาพลักษณ์น้ำดื่มคริสตัลภายใต้แคมเปญ “Charisma From Within” เพื่อให้คริสตัลมีความทันสมัยโดดเด่นและแตกต่างจากน้ำดื่มทั่วไป โดยมีการปรับตั้งแต่บรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดูดีอยู่เสมอ รวมทั้งปรับฉลากพื้นใสที่กระตุ้นความรู้สึกสดใส บริสุทธิ์ และตัวหนังสือที่ทันสมัยอ่านง่าย เพิ่มขอบวงกลมสีเขียวให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ โดยมีประกายคริสตัลในวงกลม ตอกย้ำถึงคุณภาพของน้ำดื่ม
“หลังจากการปรับภาพลักษณ์แล้ว เราคาดว่าในเรื่องของการรับรู้และภาพลักษณ์ของตราสินค้าเป็นหลัก แต่เราไม่ได้มองการช่วงชิงส่วนแบ่ง เพราะในตลาดมีน้ำดื่มหลากหลายยี่ห้อ และหากตราสินค้ามีความแข็งแกร่ง บริษัทฯยังได้วางแนวทางขยายไลน์โปรดักส์อื่นๆภายใต้แบรนด์คริสตัลเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้”
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดจะเน้นชูในเรื่องของอีโมชันนัล ภายใต้แนวคิด “เปล่งประกายดูดีจากภายใน” ด้วยการดูแลตัวเองกับการเลือกดื่มน้ำดื่มคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นการต่อยอดจากกลยุทธ์ด้านฟังก์ชันนัล จากปัจจุบันผู้บริโภคจะมีการรับรู้เกี่ยวกับการดื่มน้ำในจำนวนที่เพียงพอ จะทำให้สุขภาพแข็งแรงอยู่แล้ว นอกจากนี้บริษัทฯจะเน้นในเรื่องของการสร้างตราสินค้ามากขึ้น เพื่อให้แบรนด์คริสตัลเข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้บริโภค เนื่องจากในตลาดมีน้ำดื่มถึง 600 แบรนด์ และน้ำแร่ประมาณ 20 แบรนด์ หรือคิดเป็น 5-10% ของตลาดรวม 1.3 หมื่นล้านบาท
จากการสำรวจพบว่า การตัดสินใจซื้อน้ำดื่มของผู้บริโภคอันดับแรกมาจากความคุ้นเคยของแบรนด์เป็นหลัก ทำให้บริษัทฯเริ่มเน้นการสร้างแบรนด์มากขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จากปัจจุบันค่ายน้ำดื่มส่วนใหญ่ยังไม่มีการสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง ส่วนปัจจัยรองลงมาที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อน้ำดื่ม ได้แก่ ความน่าเชื่อถือของผู้ผลิตและมาตรฐานการรองรับ บริษัทฯจึงชูมาตรฐานน้ำดื่มคริสตัลระดับโลก หรือ NSF international Standard
นายฐิติวุฒิ์ กล่าวว่า คริสตัลจะเน้น 3 บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์แก้ว 500 ซีซี ขวดพีอีทีขนาดครึ่งลิตร และขนาด 600 มล.เนื่องจากเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด โดยสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วสัดส่วน 40% ส่วนพีอีที 60% ส่วนบรรจุภัณฑ์ขุ่นในตลาดจะค่อยๆหายไปจากปัจจุบันมีราว 5-10% ทั้งนี้เพราะคนมีพฤติกรรมที่เลือกมากขึ้น พร้อมกันนี้ในเดือนหน้าบริษัทฯจะขยายไลน์การผลิตเพิ่มขึ้น 1 ไลน์ ในบรรจุภัณฑ์พีอีที
สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำดื่มมูลค่า 1.3 หมื่นล้าน มีอัตราการเติบโต 3-4% แบ่งเป็น ช่องทางการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด 20% และเทรดดิชันนัล 80% โดยการแข่งขันหลักๆค่ายน้ำดื่มบางรายจะใช้สงครามราคา และปัจจุบันนี้มีค่ายน้ำดื่มเพียง 4-5 แบรนด์เท่านั้นที่ออกมาเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมการตลาด
ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา คริสตัลมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 30% ส่งผลให้ปัจจุบันมีส่วนแบ่งขึ้นมาเป็นอันดับ2 คือ 15% จากเมื่อหลายปีที่ผ่านมาคริสตัลมีส่วนแบ่งเป็นอันดับสามไล่เลี่ยกับแบรนด์อื่นๆ อาทิ ไทยน้ำทิพย์ เนสท์เล่ ช้าง ราว 10% ส่วนผู้นำตลาดเป็นน้ำดื่มสิงห์มีส่วนแบ่ง 20% ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้คริสตัลเติบโตมาจากการกระจายสินค้าอย่างทั่วถึง 2 แสนร้านค้า การมีสินค้าที่ได้มาตรฐาน สำหรับปีนี้คาดว่าจะยอดขายเติบโต 30%
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มคริสตัล เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทุ่มงบ 20 ล้านบาท ปรับภาพลักษณ์น้ำดื่มคริสตัลภายใต้แคมเปญ “Charisma From Within” เพื่อให้คริสตัลมีความทันสมัยโดดเด่นและแตกต่างจากน้ำดื่มทั่วไป โดยมีการปรับตั้งแต่บรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดูดีอยู่เสมอ รวมทั้งปรับฉลากพื้นใสที่กระตุ้นความรู้สึกสดใส บริสุทธิ์ และตัวหนังสือที่ทันสมัยอ่านง่าย เพิ่มขอบวงกลมสีเขียวให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ โดยมีประกายคริสตัลในวงกลม ตอกย้ำถึงคุณภาพของน้ำดื่ม
“หลังจากการปรับภาพลักษณ์แล้ว เราคาดว่าในเรื่องของการรับรู้และภาพลักษณ์ของตราสินค้าเป็นหลัก แต่เราไม่ได้มองการช่วงชิงส่วนแบ่ง เพราะในตลาดมีน้ำดื่มหลากหลายยี่ห้อ และหากตราสินค้ามีความแข็งแกร่ง บริษัทฯยังได้วางแนวทางขยายไลน์โปรดักส์อื่นๆภายใต้แบรนด์คริสตัลเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้”
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดจะเน้นชูในเรื่องของอีโมชันนัล ภายใต้แนวคิด “เปล่งประกายดูดีจากภายใน” ด้วยการดูแลตัวเองกับการเลือกดื่มน้ำดื่มคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นการต่อยอดจากกลยุทธ์ด้านฟังก์ชันนัล จากปัจจุบันผู้บริโภคจะมีการรับรู้เกี่ยวกับการดื่มน้ำในจำนวนที่เพียงพอ จะทำให้สุขภาพแข็งแรงอยู่แล้ว นอกจากนี้บริษัทฯจะเน้นในเรื่องของการสร้างตราสินค้ามากขึ้น เพื่อให้แบรนด์คริสตัลเข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้บริโภค เนื่องจากในตลาดมีน้ำดื่มถึง 600 แบรนด์ และน้ำแร่ประมาณ 20 แบรนด์ หรือคิดเป็น 5-10% ของตลาดรวม 1.3 หมื่นล้านบาท
จากการสำรวจพบว่า การตัดสินใจซื้อน้ำดื่มของผู้บริโภคอันดับแรกมาจากความคุ้นเคยของแบรนด์เป็นหลัก ทำให้บริษัทฯเริ่มเน้นการสร้างแบรนด์มากขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จากปัจจุบันค่ายน้ำดื่มส่วนใหญ่ยังไม่มีการสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง ส่วนปัจจัยรองลงมาที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อน้ำดื่ม ได้แก่ ความน่าเชื่อถือของผู้ผลิตและมาตรฐานการรองรับ บริษัทฯจึงชูมาตรฐานน้ำดื่มคริสตัลระดับโลก หรือ NSF international Standard
นายฐิติวุฒิ์ กล่าวว่า คริสตัลจะเน้น 3 บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์แก้ว 500 ซีซี ขวดพีอีทีขนาดครึ่งลิตร และขนาด 600 มล.เนื่องจากเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด โดยสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วสัดส่วน 40% ส่วนพีอีที 60% ส่วนบรรจุภัณฑ์ขุ่นในตลาดจะค่อยๆหายไปจากปัจจุบันมีราว 5-10% ทั้งนี้เพราะคนมีพฤติกรรมที่เลือกมากขึ้น พร้อมกันนี้ในเดือนหน้าบริษัทฯจะขยายไลน์การผลิตเพิ่มขึ้น 1 ไลน์ ในบรรจุภัณฑ์พีอีที
สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำดื่มมูลค่า 1.3 หมื่นล้าน มีอัตราการเติบโต 3-4% แบ่งเป็น ช่องทางการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด 20% และเทรดดิชันนัล 80% โดยการแข่งขันหลักๆค่ายน้ำดื่มบางรายจะใช้สงครามราคา และปัจจุบันนี้มีค่ายน้ำดื่มเพียง 4-5 แบรนด์เท่านั้นที่ออกมาเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมการตลาด
ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา คริสตัลมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 30% ส่งผลให้ปัจจุบันมีส่วนแบ่งขึ้นมาเป็นอันดับ2 คือ 15% จากเมื่อหลายปีที่ผ่านมาคริสตัลมีส่วนแบ่งเป็นอันดับสามไล่เลี่ยกับแบรนด์อื่นๆ อาทิ ไทยน้ำทิพย์ เนสท์เล่ ช้าง ราว 10% ส่วนผู้นำตลาดเป็นน้ำดื่มสิงห์มีส่วนแบ่ง 20% ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้คริสตัลเติบโตมาจากการกระจายสินค้าอย่างทั่วถึง 2 แสนร้านค้า การมีสินค้าที่ได้มาตรฐาน สำหรับปีนี้คาดว่าจะยอดขายเติบโต 30%