ชื่อของ "พุฒิเมศ เลิศวิริยะเศรษฐ์" ย่อมไม่เป็นที่คุ้นหูสำหรับแวดวงอาหารในเมืองไทยแม้แต่น้อย เนื่องจากว่า เขาไม่ได้คลุกคลีหรืออยู่ในธุรกิจนี้มาก่อนเลย แต่ในวันนี้สถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดได้ทำให้เขาต้องเข้ามาสัมผัสกับธุรกิจร้านอาหารอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยเช่นกัน
นี่เป็นประเด็นแรกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริหารหนุ่มคนนี้ว่าจะเข้ามาบริหารอย่างไรกับธุรกิจที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา
ทว่าประเด็นที่สองสำคัญมากกว่านั้นคือ ต้องจับตามองว่าเขาจะบริหารอย่างไร โดยเฉพาะร้านไดโดมอน ที่ทุกวันนี้กำลังอยู่ในกระบวนการแผนฟื้นฟูทางการเงิน ซึ่งแทนที่เขาจะได้บริหารในร้านอาหารที่กำลังไปได้สวยหรือไม่มีปัญหา แต่เขากลับตัดสินใจเข้ามาในภาวะที่น่าท้าทายเช่นนี้ โดยเป็นหนึ่งในผุ้บริหารหลักที่มีตำแหน่ง กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป ของบริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
การเข้ามาสู่ธุรกิจร้านอาหารนี้ เป็นเพราะทั้งฝีมือ บวกกับจังหวะ ผสมผสานกัน ทำให้เขาต้องมาพิสูจน์มืออีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ เขาอยู่ในวงการโรงงานอุตสาหกรรมมาก่อน ในบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งก็ตกอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูหรือรีฮัปโก้เหมือนกัน ในช่วงปี 2540 ซึ่งเขาได้รับการติดต่อจากเพื่อนๆที่จบทางด้านวิศวกรรมศาสตร์มาด้วยกัน ให้เข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูกิจการปรับโครงสร้างหนี้
เขาทำได้สำเร็จ เพราะบริษัทแห่งนั้นก็ได้ผ่านพ้นการฟื้นฟูสำเร็จแล้ว และดำเนินกิจการต่อไปอย่างปรกติ ซึ่งตรงนี้อาจจะไปเข้าตา นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไดโดมอน จึงได้ทาบทามให้มาบริหารที่นี่ บวกกับความเป็นคนที่ชอบแสวงหาของอร่อยรับประทานอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงทำให้วันนี้ พุฒิเมศ ต้องข้ามาสวมหมวกผู้บริหารของไดโดมอน
แนวคิดของ พุฒิเมศ ที่ได้ให้กับ "ผู้จัดการรายวัน" น่าสนใจอย่างมาก ในการจัดการกับไดโดมอน เขามองว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ เรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ของไดโดมอนก่อนให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกที่ดี ซึ่งหลังจากที่เข้ามาร่วมงานแล้วตั้งเมื่อปลายปีที่แล้วก็ได้เริ่มดำเนินการมาตลอด จนถึงวันนี้ ค่อนข้างที่จะกล่าวได้ว่า ภาพลักษณ์ของไดโดมอนเริ่มดีขึ้นแล้ว ในสายตาของผู้บริโภค จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ธุรกิจไปเรื่อยๆไม่ได้เน้นการสร้างภาพลักษณ์เท่าใด
หนึ่งในขุนพลไดโดมอนอย่าง พุฒิเมศ พยายามที่จะสรรหาทางใหม่ๆให้กับไดโดมอน แม้แต่รูปแบบแฟรนไชส์ก็มีการคิดเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้สรุปวจะทำอย่างไร หรือจะทำหรือไม่ เพราะต้องดูความเหมาะสมในรายละเอียด
ส่วนการขยายธุรกิจรูปแบใหม่ถูกนำมาใช้ในขณะนี้ ด้วยการจะเปิดร้านอีกแบรนด์หนึ่งขึ้นมาใหม่ โดยไม่ยึดติดกับ อาหารประเภทย่าง ปิ้ง หรือยากิชาบู อีกแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม พุฒิเมศ ย้ำว่า เรายังคงเน้นอาหารญี่ปุ่น เป็นหลัก ซึ่งสาขาแรกที่ขยายออกมานั้น จะเปิดที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เป็นสาขาแรก
หลังจากนั้นในปีนหน้าตั้งงบก้อนโตกว่า 100 ล้านบาท ในการขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา ทั้งแบบเดิมคือ ไดโดมอนกับแบรนด์ใหม่ ที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ จากขณะนี้ที่มี 38 สาขา
ขณะเดียวกันกิจกรรมการตลาดของไดโดมอนก็ต้องมีมากขึ้นด้วยในสายตาของพุฒิเมศ เนื่องจากสถานการณ์ของธุรกิจร้านอาหารในขณะนี้แข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง ในทุกรูปแบบทั้งการขยายสาขา การเปิดร้านรูปแบบใหม่ให้อินเทรนด์ การพัฒนาเมนูอาหารตลอดเวลา แต่กิจกรรมก็ขาดไม่ได้
กิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือ "Daidomon Go On The Champion" การแข่งขันกินจุกินเร็ว ที่ขณะนี้ได้ตัวผู้เข้ารอบสุดท้ายมาแล้ว 5 คน โดยแต่ละคนนั้นมีความสามารถกินอาหารในระดับเฉลี่ย 6 กิโลกรัมต่อคนขึ้นไปทั้งนั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้สมาชิกของไดโดมอนเพิ่มขึ้นด้วยจากปัจจุบันที่มี 160,000 ราย คาดว่าจะเพิ่มเป็น 180,000 รายในสิ้นปีนี้
เขาหวังว่า จากนี้ไป สถานการณ์ของไดโดมอนน่าจะดีขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับแผนฟื้นฟูด้วยว่าจะสำเร็จเสร็จสิ้นลงเมื่อใด และเมื่อนั้น ไดโดมอน ก็พร้อมที่จะรุกหนักอย่างเต็มที่ โดยหวังว่าจะมีการเติบโตถึง 14%