ไมเนอร์แฟชั่นเผยแผนลงทุนปีหน้าเตรียมเทงบกว่า 100-200 ล้านบาทขยายสาขาทั้ง 11 แบรนด์เพิ่ม 100 แห่งและเล็งนำเข้าแบรนด์ใหม่ทั้งเครื่องสำอางและเสื้อผ้า 2-3 แบรนด์ พร้อมโฟกัสลูกค้าผู้ชายมากขึ้นผ่านสินค้าทิมเบอร์แลนด์และกระเป๋าทูมี่ ล่าสุดส่งคอลเลคชั่นใหม่กระเป๋าเดินทางทูมี่รุกตลาดไทย 100 ใบ พร้อมเผยสถานการณ์ 2-3 เดือนนี้ยอดขายหล่นหาย10% จากภาวะเศรษฐกิจและการรีโนเวตห้าง แต่เชื่อธันวาคมนี้ยอดขายจะดีขึ้นและเป็นไปตามเป้าที่ 3,000 ล้านบาท
นางปัทมาวลัย รัตนพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ กรุ๊ป ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและเครื่องสำอาง เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดปีหน้าของเครือไมเนอร์ กรุ๊ปเตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 100-200 ล้านบาทในการขยายสาขาให้กับ 11 แบรนด์สินค้าในเครือเพิ่มอีกประมาณ 100 แห่ง จากปัจจุบันมีทั้งหมด 230 แห่ง แต่ละสาขาใช้ประมาณ 1-2 ล้านบาท และเตรียมนำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่ม 2-3 แบรนด์ แบ่งเป็นเครื่องสำอาง 2 แบรนด์และแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับผู้ชายทิมเบอร์แลนด์ ซึ่งปีหน้าจะเน้นไปที่แบรนด์ทิมเบอร์แลนด์เป็นหลัก จะทำแคมเปญใหญ่ที่คาดว่าจะเปิดตัวช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้า
“ในปีหน้าการทำตลาดของเครือไมเนอร์ที่มีสินค้าผู้หญิงอยู่มาก จะเน้นหันไปเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ชายมากขึ้นผ่านแบรนด์ทิมเบอร์แลนด์และกระเป๋าทูมี่ โดยคาดว่าสัดส่วนลูกค้าผู้ชายจะเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันมี 20% จากจำนวนสมาชิกทั้งหมดในปัจจุบัน 1 แสนราย โดยแบ่งเป็นแอคทีพหรือที่มาใช้บริการประจำ 5 หมื่นราย”
ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันการสินค้าแฟชั่นจะมีการแข่งขันสูงจากหลายด้าน อาทิ คู่แข่งขันที่จะมีการนำเข้าสินค้ากว่า 15-20 แบรนด์ รวมถึงตัวชอป เซ็นเตอร์หรือศูนย์การค้าที่มีพื้นที่ให้เช่าขายน้อยลง และค่าเช่าพื้นที่ก็ปรับสูงขึ้น เป็นต้น ซึ่งในแง่ผู้ประกอบการจะแข่งขันกันหนัก ขณะที่ด้านผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์เพราะมีทางเลือกมากขึ้น ส่วนเรื่องภาวะเศรษฐกิจในปีหน้ามองว่าการทำธุรกิจต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยจะต้องมีการวางแผนการตลาดให้ดี และขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุม รวมถึงการทำกิจกรรมทางการตลาดและแคมเปญต่างๆ
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจและการรีโนเวตห้าง ส่งผลต่อยอดขายของบริษัทฯลดลง10% โดยเชื่อว่าเดือนธันวาคมนี้ทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้น เนื่องจากห้างต่างทยอยปรับปรุงเสร็จแล้วและจากนโยบายของภาครัฐที่จะดึงนักท่องเที่ยวให้กลับเข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น เป็นต้น
“ทูมี่” ส่งคอลเลคชั่นใหม่ฉีกตลาด
ล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์กระเป๋าเดินทางทูมี่ รุ่น “ช็อค ลิมิเต็ด อิดิชั่น” 4 แบบ ซึ่งคอลเลคชั่นใหม่นี้จะฉีกจากรูปแบบเดิมด้วยการดีไซน์ที่เน้นสีส้มสดใส โดยรุ่นใหม่นี้ผลิตขึ้นเพียง 750 ใบทั่วโลกและนำเข้ามาขายที่ไทย 100 ใบ ในระดับราคา 2-6 หมื่นบาท โดยจะมีวางขายในชอปของทูมี่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล ชิดลม, ดิ เอ็มโพเรียม,ห้างอิเซตัน และเกษร พลาซ่า ขณะที่สาขาที่ 5 ของทูมี่เตรียมเปิดที่สยามพารากอนในปีนี้ และเล็งเปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัล เวิลด์พลาซ่าในปีหน้า
“การเปิดตัวคอลเลคชั่นนี้ เพื่อต้องการขยายฐานลูกค้าใหม่ไปสู่กลุ่มผู้หญิงและนักธุรกิจอายุ 25 ปีขึ้นไปหรือมีเงินเดือนมากกว่า 5 หมื่นบาท ซึ่งเดิมทีลูกค้าของทูมี่จะมีอายุ 35 ปีขึ้นไปและเป็นนักธุรกิจ”
ปีหน้าเล็งจับมือรถแข่ง “ดูคาติ”
นางปัทมาวลัย กล่าวด้วยว่า แผนการทำตลาดของแบรนด์ทูมี่ในปี 2549 บริษัทฯจะเน้นขยายไลน์สินค้ามากขึ้น เช่น นำเข้านาฬิกาและปากกา โดยปัจจุบันมีสินค้าอยู่ 30 รุ่น เช่น กระเป๋าเดินทาง,กระเป๋าบิสิเนส และกระเป๋าผู้หญิงและแอสเซสซอรี่ ฯลฯ ประกอบกับปีหน้าจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรในการทำตลาดมากขึ้น เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ทูมี่ อาทิ การร่วมกับดูคาติ ซึ่งเป็นแบรนด์ของรถแข่งมอเตอร์ไซด์อันดับ 1 จากอิตาลี โดยจะนำลวดลายมาตกแต่งกระเป๋า หรือการร่วมกับอัมโบรผลิตเสื้อผ้าแนวสปอร์ตภายใต้แบรนด์ทูมี่ เป็นต้น
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯปีนี้ตั้งเป้ารายได้ที่ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแบรนด์เอสปรีอันดับหนึ่งด้วยยอด 850-900 ล้านบาท โดยในส่วนของทูมี่คาดว่าจะปิดยอดที่ 60 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโตจากปีที่แล้ว 25% โดยบริษัทฯคาดการณ์ว่าภายใน 3 ปียอดขายของทูมี่จะมีประมาณ 100 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายของทูมี่ทั่วโลกมีรายได้กว่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐและมีอัตราการโต 20% โดยเอเชียโตสุดที่ 30% เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ของทูมี่ อีกทั้งเอเชียมีนักธุรกิจมากและการเดินทางก็มีมากขึ้น รองมายุโรป 20% และอเมริกา 15%
นางปัทมาวลัย รัตนพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ กรุ๊ป ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและเครื่องสำอาง เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดปีหน้าของเครือไมเนอร์ กรุ๊ปเตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 100-200 ล้านบาทในการขยายสาขาให้กับ 11 แบรนด์สินค้าในเครือเพิ่มอีกประมาณ 100 แห่ง จากปัจจุบันมีทั้งหมด 230 แห่ง แต่ละสาขาใช้ประมาณ 1-2 ล้านบาท และเตรียมนำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่ม 2-3 แบรนด์ แบ่งเป็นเครื่องสำอาง 2 แบรนด์และแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับผู้ชายทิมเบอร์แลนด์ ซึ่งปีหน้าจะเน้นไปที่แบรนด์ทิมเบอร์แลนด์เป็นหลัก จะทำแคมเปญใหญ่ที่คาดว่าจะเปิดตัวช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้า
“ในปีหน้าการทำตลาดของเครือไมเนอร์ที่มีสินค้าผู้หญิงอยู่มาก จะเน้นหันไปเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ชายมากขึ้นผ่านแบรนด์ทิมเบอร์แลนด์และกระเป๋าทูมี่ โดยคาดว่าสัดส่วนลูกค้าผู้ชายจะเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันมี 20% จากจำนวนสมาชิกทั้งหมดในปัจจุบัน 1 แสนราย โดยแบ่งเป็นแอคทีพหรือที่มาใช้บริการประจำ 5 หมื่นราย”
ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันการสินค้าแฟชั่นจะมีการแข่งขันสูงจากหลายด้าน อาทิ คู่แข่งขันที่จะมีการนำเข้าสินค้ากว่า 15-20 แบรนด์ รวมถึงตัวชอป เซ็นเตอร์หรือศูนย์การค้าที่มีพื้นที่ให้เช่าขายน้อยลง และค่าเช่าพื้นที่ก็ปรับสูงขึ้น เป็นต้น ซึ่งในแง่ผู้ประกอบการจะแข่งขันกันหนัก ขณะที่ด้านผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์เพราะมีทางเลือกมากขึ้น ส่วนเรื่องภาวะเศรษฐกิจในปีหน้ามองว่าการทำธุรกิจต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยจะต้องมีการวางแผนการตลาดให้ดี และขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุม รวมถึงการทำกิจกรรมทางการตลาดและแคมเปญต่างๆ
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจและการรีโนเวตห้าง ส่งผลต่อยอดขายของบริษัทฯลดลง10% โดยเชื่อว่าเดือนธันวาคมนี้ทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้น เนื่องจากห้างต่างทยอยปรับปรุงเสร็จแล้วและจากนโยบายของภาครัฐที่จะดึงนักท่องเที่ยวให้กลับเข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น เป็นต้น
“ทูมี่” ส่งคอลเลคชั่นใหม่ฉีกตลาด
ล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์กระเป๋าเดินทางทูมี่ รุ่น “ช็อค ลิมิเต็ด อิดิชั่น” 4 แบบ ซึ่งคอลเลคชั่นใหม่นี้จะฉีกจากรูปแบบเดิมด้วยการดีไซน์ที่เน้นสีส้มสดใส โดยรุ่นใหม่นี้ผลิตขึ้นเพียง 750 ใบทั่วโลกและนำเข้ามาขายที่ไทย 100 ใบ ในระดับราคา 2-6 หมื่นบาท โดยจะมีวางขายในชอปของทูมี่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล ชิดลม, ดิ เอ็มโพเรียม,ห้างอิเซตัน และเกษร พลาซ่า ขณะที่สาขาที่ 5 ของทูมี่เตรียมเปิดที่สยามพารากอนในปีนี้ และเล็งเปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัล เวิลด์พลาซ่าในปีหน้า
“การเปิดตัวคอลเลคชั่นนี้ เพื่อต้องการขยายฐานลูกค้าใหม่ไปสู่กลุ่มผู้หญิงและนักธุรกิจอายุ 25 ปีขึ้นไปหรือมีเงินเดือนมากกว่า 5 หมื่นบาท ซึ่งเดิมทีลูกค้าของทูมี่จะมีอายุ 35 ปีขึ้นไปและเป็นนักธุรกิจ”
ปีหน้าเล็งจับมือรถแข่ง “ดูคาติ”
นางปัทมาวลัย กล่าวด้วยว่า แผนการทำตลาดของแบรนด์ทูมี่ในปี 2549 บริษัทฯจะเน้นขยายไลน์สินค้ามากขึ้น เช่น นำเข้านาฬิกาและปากกา โดยปัจจุบันมีสินค้าอยู่ 30 รุ่น เช่น กระเป๋าเดินทาง,กระเป๋าบิสิเนส และกระเป๋าผู้หญิงและแอสเซสซอรี่ ฯลฯ ประกอบกับปีหน้าจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรในการทำตลาดมากขึ้น เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ทูมี่ อาทิ การร่วมกับดูคาติ ซึ่งเป็นแบรนด์ของรถแข่งมอเตอร์ไซด์อันดับ 1 จากอิตาลี โดยจะนำลวดลายมาตกแต่งกระเป๋า หรือการร่วมกับอัมโบรผลิตเสื้อผ้าแนวสปอร์ตภายใต้แบรนด์ทูมี่ เป็นต้น
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯปีนี้ตั้งเป้ารายได้ที่ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแบรนด์เอสปรีอันดับหนึ่งด้วยยอด 850-900 ล้านบาท โดยในส่วนของทูมี่คาดว่าจะปิดยอดที่ 60 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโตจากปีที่แล้ว 25% โดยบริษัทฯคาดการณ์ว่าภายใน 3 ปียอดขายของทูมี่จะมีประมาณ 100 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายของทูมี่ทั่วโลกมีรายได้กว่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐและมีอัตราการโต 20% โดยเอเชียโตสุดที่ 30% เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ของทูมี่ อีกทั้งเอเชียมีนักธุรกิจมากและการเดินทางก็มีมากขึ้น รองมายุโรป 20% และอเมริกา 15%