xs
xsm
sm
md
lg

สินค้าแฟชั่นปรับตัวฝุ่นตลบปีจอ ทะลวงกลุ่มเงินคล่องมืออัดไพรซ์วอร์50%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดสินค้าแฟชั่นหืดขึ้นคอปลายปีลากยาวปีจอ สงครามราคาต้องพลิกงัดส่วนลด50% ถึงกระตุ้นกำลังซื้อ ส่วนลด 30% ใช้ไม่ได้ผล “จีออดาโน”เล็งอัดโปรโมชั่นทุกรูปแบบรับศึกปีหน้า ส่วนธุรกิจการ์ดอวยพร เลี่ยงเดินเกมจับตลาดวัยรุ่นเพราะควักกระเป๋าง่าย “คลากส์”เบนเข็มจับตลาดผู้หญิงพ่วงขยายไลน์รองเท้าเด็กทั่วเอเชีย ส่วนงานไทยแลนด์ เบสท์บายตั้งเป้าเงินสะพัด 120 ล้านบาทต่ำกว่าปีที่แล้ว 80 ล้านบาท

นายชีวินทร์ แย้มสุวรรณ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท จิออดาโน ไทย จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดสินค้าแฟชั่นในช่วงปลายปีนี้ว่า ผู้ประกอบการจะงัดกลยุทธ์ราคาขึ้นมาใช้กันอย่างหนัก เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยกลยุทธ์ราคานั้นจะต้องงัดโปรโมชั่นลดถึง50%ขึ้นไปถึงจะกระตุ้นยอดขายได้  ส่วนการลดราคาเพียง 30% จะไม่สามารถกระตุ้นกลุ่มผู้บริโภคได้ ซึ่งไม่เพียงแต่แนวโน้มดังกล่าวจะเกิดขึ้นในปีนี้เท่านั้น แต่ในปีหน้าสงครามราคาก็จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยความถี่ในการลดราคาจะมีเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันจะเป็นในช่วงใกล้สิ้นเดือนจนถึงต้นเดือนเท่านั้น

“สภาพตลาดสินค้าแฟชั่นในปีหน้าจะทำตลาดยากมากขึ้น ผู้ประกอบการจะเล่นสงครามราคากันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ตกรุ่นจะมีการทำโปรโมชั่นกันอย่างหนัก เพื่อระบายสต็อกสินค้าให้หมด สำหรับสถานการณ์ในช่วงไตรมาสที่สามและสี่ในขณะนี้เริ่มส่อแววไม่ดีมากนัก สต็อกสินค้าจีออดาโนเหลือถึง 70 วัน ขณะที่ยอดขายเฉพาะของจีออดาโนหายไป10% ของแต่ละสาขา ทั้งนี้เป็นเพราะผลพวงของสภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก”

สำหรับผลประกอบการในช่วง 6 เดือน บริษัทมีอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 15% และคาดว่าในสิ้นปีจะโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้จาก 12% เป็น 10% โดยการเติบโตดังกล่าวไม่ได้มาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่มาจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น 8 แห่งในปีนี้ จากปัจจุบันจีออดาโนมีทั้งหมด 50 แห่ง และเพื่อกระตุ้นยอดขายโค้งสุดท้ายในช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นมียอดขายราว 15% จากรายได้ทั้งหมด จึงได้ร่วมจัดงานแสดงสินค้าในงานไทยแลนด์ เบสท์บายเป็นครั้งที่ 2  ด้วยการลดราคาถึง 50-70% เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค

ส่วนด้านการปรับตัวในปีหน้า บริษัทได้เตรียมจัดโปรโมชั่นทุกรูปแบบ ควบคู่กับการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ พร้อมกับจับมือร่วมกับพันธมิตรมากขึ้น  อย่างในปีนี้บริษัทฯได้จับมือร่วมกับบริษัทดิสนีย์ เปิดตัวคอลเลกชั่นการ์ตูนดิสนี่ย์  
 ขณะที่แผนการขยายสาขาจะเน้นในส่วนของชอปเป็นหลัก โดยเปิดเพิ่ม 5-6 แห่งทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด ขนาดพื้นที่ 120 ตร.ม.ใช้งบลงทุน 2 ล้านบาทต่อแห่ง ส่วนเคาน์เตอร์จะไม่เน้นขยายเพิ่ม

การ์ดอวยพรเลี่ยงจับตลาดวัยรุ่น
นายโมกข์ สีบุญเรือง
กรรมการผู้จัดการ บริษัท Graphite Plus ผู้ผลิตและจำหน่ายการ์ดอวยพรและของขวัญ เปิดเผยว่า ปัจจัยด้านเศรษฐกิจคงจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการ์ดอวยพรมากนัก เพราะบริษัทฯเน้นการ์ดในราคาที่ถูกคือราว 70-90 บาท อีกทั้งในปีนี้ได้ปรับตัวเพื่อรองรับกับกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง ด้วยการหันมาออกการ์ดอวยพรที่เน้นจับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นให้มากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มการตัดสินใจซื้อจะง่ายมากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่เป็นผู้ใหญ่

สำหรับแผนการตลาดในปีหน้าบริษัทจะขยายไลน์สินค้าที่นอกเหนือจากการ์ดอวยพร มาสู่สินค้าเสื้อผ้า เป้ ที่รองแก้ว ฯลฯทั้งนี้เป็นเพราะเป้าหมายของบริษัทฯต้องการเปิดชอปในอีก 2 ปีข้างหน้านี้คอนเซปต์คล้ายกับร้านพรอฟพากันด้า จากปัจจุบันช่องทางจำหน่ายสินค้าจะผ่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป โดยในเบื้องต้นเล็งสถานที่ที่จะเปิดคือที่ สยาม สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 40-50% ส่วนในปีหน้าหลังจากขยายไลน์สินค้าต่างๆ ตั้งเป้าโต 100%

เบนเข็มจับตลาดผู้หญิงเพราะจ่ายง่าย
นางปุณณา เบญจพรรักษา ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด แบรนด์ คลากส์ จัดจำหน่ายโดยบริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่ารองเท้าเซกเมนต์ระดับพรีเมี่ยมจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจบ้าง แต่บริษัทฯจะไม่เน้นการทำโปรโมชั่นหรือกลยุทธ์ราคา เพราะจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่เพื่อรองรับกับภาวะตลาดสินค้าแฟชั่นที่อาจจะชะลอตัวไปบ้าง ในปีหน้านี้บริษัทฯได้เตรียมเปิดตัวรองเท้า คลากส์ คิดส์ เจาะกลุ่มเป้าหมายเด็กเล็ก จากปัจจุบันรองเท้าคลากส์จะมีเฉพาะสำหรับผู้ชายและผู้หญิง

“เรามองว่าในเอเชียตลาดรองเท้าเด็กเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เพราะคนเอเชียเริ่มมีลูกน้อยลง และยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อรองเท้าในคุณภาพที่ดีให้กับลูก ซึ่งราคารองเท้าคลากส์จำหน่ายคู่ละ 1,000 บาทขึ้นไป สำหรับการทำตลาดในเอเชียล่าสุดได้เปิดตัวไปที่สิงโปร์ จากนั้นจะเปิดตัวที่มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดียต่อไป”

พร้อมกันนี้ในปีหน้าบริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวคอลเลกชั่นสำหรับกลุ่มรองเท้าผู้หญิงมากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนรองเท้าเป็นหญิง 50% ชาย 50% ทั้งนี้เป็นเพราะพฤติกรรมของผู้หญิงในกลุ่มสินค้าแฟชั่นมีการจับจ่ายใช้สอยได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ชาย โดยในปีหน้านี้สัดส่วนรองเท้าผู้หญิงจะเพิ่มเป็น 60% ผู้ชาย 40% ขณะที่แผนการขยายสาขาปีหน้าเตรียมเปิดตัวเพิ่มอีก 3 แห่ง ในย่านบางนา ปิ่นเกล้า ลาดพร้าวโดยใช้งบลงทุน 4 ล้านบาทต่อแห่ง

แนวโน้มตลาดรองเท้าในเซกเมนต์พรีเมี่ยมมูลค่า 350-400 ล้านบาทในปีนี้เติบโต 7% ในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 10% โดยในสิ้นปีนี้รองเท้าคลากส์ตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 30-35 % และปีหน้าหลังจากเปิดตัวรองเท้าเด็กคาดว่าจะผลักดันให้ส่วนเพิ่มเป็น 40%

นางบุษยา ประกอบทอง ผู้จัดการกลุ่มโครงการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด สำหรับงานไทยแลนด์ เบสท์ บายส์  2005 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-11 ธันวาคม นี้ มีจำนวน 700 บูธ  คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 2.5 แสนคน เพิ่มขึ้นจากในปีที่ผ่านมา 2 แสนคน ขณะที่เงินสะพัดภายในงานตั้งเป้าไว้ที่ 120 ล้านบาท น้อยกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งมีเงินสะพัดถึง 200 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้คนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น  
กำลังโหลดความคิดเห็น