รมว.พลังงงานเป็นประธานในการลงนามสัญญาเงินกู้ระหว่าง สบพ. กับ 4 ธนาคาร วงเงินรวม 32,000 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้คืนกองทุนน้ำมัน ระบุการเรียกเก็บเงินจากน้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม จะทำให้ชำระหนี้ได้เร็วกว่าที่กำหนด พร้อมเตรียมสนองความต้องการนักลงทุนเร่งออกบอนด์น้ำมันรอบ 2 ให้เร็วกว่าเดิม
นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวหลังพิธีลงนามสัญญาเงินกู้ระหว่างสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพ.) กับธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารทหารไทย ว่าสถาบันการเงิน 4 รายดังกล่าว ได้ให้ความร่วมมือกับ สบพ.ในการร่วมกันลงนามในสัญญาเงินกู้ใหม่ 32,000 ล้านบาท โดยธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ 18,690 ล้านบาท ธนาคารออมสิน 6,130 ล้านบาท ธนาคารนครหลวงไทย 4,785 ล้านบาท และธนาคารทหารไทย 2,395 ล้านบาท อายุสัญญา 5 ปี โดย 3 ปีแรกปลอดการชำระเงินต้น และวงเงินกู้ใหม่นี้จะครบกำหนดชำระคืนภายในปี 2553
อย่างไรก็ตาม จากการที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานได้กำหนดเพิ่มอัตรานำส่งเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซล จาก 50 สตางค์ เป็น 1.50 บาทต่อลิตร เร็วกว่าแผนที่วางไว้ 1 ปี ทำให้เพิ่มเงินกองทุนน้ำมันเดือนละ 1,500 ล้านบาท และจะทำให้สามารถชำระหนี้ได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้
นายศิวะนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน กล่าวว่า สำหรับแผนการออกพันธบัตรในล็อตที่ 2 จำนวนประมาณ 15,600 ล้านบาท เดิม สบพ.วางแผนไว้ว่าจะออกจำหน่ายประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549 แต่เนื่องจากนักลงทุนมีความต้องการสูง สบพ.จะรีบดำเนินการเพื่อให้สามารถออกจำหน่ายให้เร็วที่สุด ประมาณปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่ง สบพ.จะแจ้งให้ประชาชนทราบอีกครั้ง