เอสวาย ซับเวย์ ทุ่มสุดตัว 100 กว่าล้าน เลือกเปิดตลาดเครื่องสำอางและแฟชั่นตามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน 11 แห่ง เผยอีก 3 ปีผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนคนต่อวัน หวังเจาะตลาดคอนแทคเลนส์สีโดนใจวัยรุ่น พร้อมบริการแต่งตาให้เสร็จ ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งเพิ่ม 300 ล้าน
นายอาณกร เตยะราชกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวาย. ซับเวย์ จำกัด เปิดเผยว่าภายหลังจากดำเนินธุรกิจค้าส่งแว่นตาและคอนแทคเลนส์โดยนำเข้าจากต่างประเทศมาเป็นระยะเวลา 17 ปีภายใต้ชื่อร้านสุวรรณไทยการแว่น ปัจจุบันบริษัทฯได้ตัดสินใจหันมาทำธุรกิจค้าปลีกร่วมด้วย โดยเปิดเป็นร้านเอสวาย ซับเวย์ ซึ่งเพิ่งเปิดดำเนินการเป็นสาขาแรกที่ชอปปิ้งมอลล์สถานีรถไฟฟ้าสุขุมวิท และเตรียมที่จะเปิดเพิ่มเป็นเอ็กซ์คลูซีฟครบทุกสถานีฯ จำนวนทั้งหมด 11 แห่ง โดยใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท และใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ร่วมกับรฟม. ปีละ 20-30 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่บริษัทฯเปิดร้านค้าปลีกกับชอปปิ้งมอลล์ของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เนื่องจากบริษัทฯมองว่าเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ของร้านที่มุ่งจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับความงามและสินค้าแฟชั่นสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นเป็นหลัก ซึ่งมี 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องสำอางบำรุงผิว (Cosmetic Skin Care) และคอนแทคเลนส์ (Cosmetic Contactlens) คิดเป็นสัดส่วน 50 : 50 โดยคอนแทคเลนส์สีนั้นจะมีบริการแต่งใบหน้าและดวงตาให้ด้วย เพื่อให้สีของคอนแทคส์ดูเด่นขึ้น
นอกจากนั้นคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอีก 30% หลังจากนี้อีก 3 ปี เนื่องจากรถไฟฟ้าใต้ดินอีก 2 สายกำลังจะสร้างเสร็จ ซึ่งจำนวนผู้โดยสารจะมากขึ้นเป็น 1 แสนคนต่อวัน ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายได้เฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขา หรือยอดขายรวม 300 ล้านบาทต่อปี
สำหรับร้านสาขาสถานีฯสุขุมวิทที่เพิ่งเปิดไปนั้น ได้ใช้เงินลงทุนไป 4-5 ล้านบาท ซึ่งจะมีลูกค้าเป็นผู้โดยสารรถไฟฟ้าฯจำนวน 50,000 คนต่อวัน และลูกค้าที่เดินอยู่บนถนนในย่านสุขุมวิทอีก 70,000 คนต่อวันส่วนสาขาที่จะเปิดต่อไปอยู่ที่สถานีฯพหลโยธิน ใกล้เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว โดยจะมีการตกแต่งร้านเป็นคนละแนวกัน เนื่องจากย่านสุขุมวิทส่วนใหญ่เป็นคนทำงานและมีกำลังซื้อ ขณะที่ย่านพหลฯ มีลูกค้าเป็นนักศึกษาและคนต่างชาติ
ปัจจุบันคอนแทคเลนส์มีมูลค่าตลาดรวมในประเทศไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท เนื่องจากคอนแทคเลนส์สีกำลังได้รับความนิยมในหมู่ดารานางแบบ และวัยรุ่นทั่วๆ ไป นอกจากนั้นคอนแทคเลนส์ใสก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนติดตลาด โดยเปลี่ยนใส่ได้ตั้งแต่เดือนละครั้ง, 2 อาทิตย์ครั้ง รวมถึงเปลี่ยนใส่ได้ทุกวัน ทั้งนี้แบรนด์ที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ได้แก่ เฟรชลุ๊ค ดูราซอฟ และจอนห์สัน แอคคิววิว
ก่อนหน้านั้นบริษัทฯเคยเปิดร้านสุวรรณไทยการแว่น โดยเป็นผู้นำเข้าและขายส่ง (wholesales) กรอบแว่นตาแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นและอิตาลี และคอนแทคเลนส์จากสหรัฐอเมริกา มาเป็นเวลา 17 ปี ปัจจุบันบริษัทฯได้หันมาทำธุรกิจขายปลีกร่วมด้วย โดยการเปิดร้านเอสวาย. ซับเวย์ดังกล่าว
นายอาณกร เตยะราชกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวาย. ซับเวย์ จำกัด เปิดเผยว่าภายหลังจากดำเนินธุรกิจค้าส่งแว่นตาและคอนแทคเลนส์โดยนำเข้าจากต่างประเทศมาเป็นระยะเวลา 17 ปีภายใต้ชื่อร้านสุวรรณไทยการแว่น ปัจจุบันบริษัทฯได้ตัดสินใจหันมาทำธุรกิจค้าปลีกร่วมด้วย โดยเปิดเป็นร้านเอสวาย ซับเวย์ ซึ่งเพิ่งเปิดดำเนินการเป็นสาขาแรกที่ชอปปิ้งมอลล์สถานีรถไฟฟ้าสุขุมวิท และเตรียมที่จะเปิดเพิ่มเป็นเอ็กซ์คลูซีฟครบทุกสถานีฯ จำนวนทั้งหมด 11 แห่ง โดยใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท และใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ร่วมกับรฟม. ปีละ 20-30 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่บริษัทฯเปิดร้านค้าปลีกกับชอปปิ้งมอลล์ของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เนื่องจากบริษัทฯมองว่าเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ของร้านที่มุ่งจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับความงามและสินค้าแฟชั่นสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นเป็นหลัก ซึ่งมี 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องสำอางบำรุงผิว (Cosmetic Skin Care) และคอนแทคเลนส์ (Cosmetic Contactlens) คิดเป็นสัดส่วน 50 : 50 โดยคอนแทคเลนส์สีนั้นจะมีบริการแต่งใบหน้าและดวงตาให้ด้วย เพื่อให้สีของคอนแทคส์ดูเด่นขึ้น
นอกจากนั้นคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอีก 30% หลังจากนี้อีก 3 ปี เนื่องจากรถไฟฟ้าใต้ดินอีก 2 สายกำลังจะสร้างเสร็จ ซึ่งจำนวนผู้โดยสารจะมากขึ้นเป็น 1 แสนคนต่อวัน ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายได้เฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขา หรือยอดขายรวม 300 ล้านบาทต่อปี
สำหรับร้านสาขาสถานีฯสุขุมวิทที่เพิ่งเปิดไปนั้น ได้ใช้เงินลงทุนไป 4-5 ล้านบาท ซึ่งจะมีลูกค้าเป็นผู้โดยสารรถไฟฟ้าฯจำนวน 50,000 คนต่อวัน และลูกค้าที่เดินอยู่บนถนนในย่านสุขุมวิทอีก 70,000 คนต่อวันส่วนสาขาที่จะเปิดต่อไปอยู่ที่สถานีฯพหลโยธิน ใกล้เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว โดยจะมีการตกแต่งร้านเป็นคนละแนวกัน เนื่องจากย่านสุขุมวิทส่วนใหญ่เป็นคนทำงานและมีกำลังซื้อ ขณะที่ย่านพหลฯ มีลูกค้าเป็นนักศึกษาและคนต่างชาติ
ปัจจุบันคอนแทคเลนส์มีมูลค่าตลาดรวมในประเทศไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท เนื่องจากคอนแทคเลนส์สีกำลังได้รับความนิยมในหมู่ดารานางแบบ และวัยรุ่นทั่วๆ ไป นอกจากนั้นคอนแทคเลนส์ใสก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนติดตลาด โดยเปลี่ยนใส่ได้ตั้งแต่เดือนละครั้ง, 2 อาทิตย์ครั้ง รวมถึงเปลี่ยนใส่ได้ทุกวัน ทั้งนี้แบรนด์ที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ได้แก่ เฟรชลุ๊ค ดูราซอฟ และจอนห์สัน แอคคิววิว
ก่อนหน้านั้นบริษัทฯเคยเปิดร้านสุวรรณไทยการแว่น โดยเป็นผู้นำเข้าและขายส่ง (wholesales) กรอบแว่นตาแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นและอิตาลี และคอนแทคเลนส์จากสหรัฐอเมริกา มาเป็นเวลา 17 ปี ปัจจุบันบริษัทฯได้หันมาทำธุรกิจขายปลีกร่วมด้วย โดยการเปิดร้านเอสวาย. ซับเวย์ดังกล่าว