อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก มั่นใจปัญหาไข้หวัดนกในอียูไม่กระทบยอดการส่งออกไก่ต้มสุกของไทยปีนี้ ย้ำยังมีโอกาสสดใสขยายตัวได้อีกมาก ด้านปลัดกระทรวงพาณิชย์ชี้การดึง 3 หน่วยงานร่วมทำงานจะเพิ่มยอดการค้าในอนาคตได้ พร้อมเตรียมตั้งศูนย์กระจายสินค้าในจีน 11 แห่ง และสหรัฐอเมริกาอีก 2 แห่ง
นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงกรณีไข้หวัดนกกลับมาระบาดอีกครั้งหนึ่ง และกำลังระบาดอยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป ว่า แม้อียูจะสั่งห้ามนำเข้าไก่แช่แข็งไปจนถึงเดือนกันยายน ทางกรมส่งเสริมการส่งออกได้มีการประเมินสถานการณ์แล้ว คงไม่ส่งผลกระทบยอดการส่งออกไก่ของไทยในปีนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากตลาดส่งออกไก่ของไทยจะอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศยูเครน และขณะนี้ไทยกำลังที่จะเข้าไปขยายตลาดในกลุ่มประเทศรัสเซีย และประเทศคาซัคสถาน เป็นการหาตลาดใหม่เพิ่มเติม ซึ่งการส่งออกไก่ของไทย เปลี่ยนจากอดีตที่เคยส่งออกเป็นไก่แช่แข็ง มาเป็นไก่ต้มสุกหรือไก่แปรรูปแทน ทำให้หลายประเทศมั่นใจไก่ไทยไม่มีปัญหาไข้หวัดนกอย่างแน่นอน และจากการส่งออกไก่ต้มสุกของไทยตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2548 มีมูลค่าทั้งสิ้น 504 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.6 และเชื่อว่าที่ไทยตั้งเป้าหมายในการส่งออกไก่ต้มสุกในปีนี้จะอยู่ที่ 774 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.7 ได้อย่างแน่นอน
นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงสำนักงานผู้แทนการค้าในต่างประเทศถึงแนวทางยุทธศาสตร์การปรับองค์กรด้านการค้าระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ หลังจากได้มีการเสนอแผนต่อ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งแผนดังกล่าวจะเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ในแต่ละภูมิภาคให้มีความชัดเจนว่า การทำงานหลังจากนี้ไปของ 3 กรม ได้แก่ กรมส่งเสริมการส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ และกรมเจรจาการค้า จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ โดยจะมีผู้ดูแลและรับผิดชอบในแต่ละด้านชัดเจนขึ้น ซึ่งการพัฒนาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกัน จะเป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มและยังสามารถขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น รวมถึงจะเร่งพัฒนาธุรกิจและจะพิจารณาซื้อแบรนด์ในต่างประเทศมาปรับใช้เป็นแบรนด์ของไทย โดยกำหนดที่จะมีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าของไทยในประเทศจีน 11 แห่ง และในสหรัฐอีก 2 แห่ง รวมถึงจะมีการจัดตั้งศูนย์การตลาดในประเทศหลัก ๆ อีกด้วย และเชื่อว่าสามารถร่วมกันทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนเป้าหมายที่ตั้งไว้การส่งออกในปี 2549 จะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 หรือคิดเป็นมูลค่า 142,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้อย่างไม่มีปัญหา