ฟ้าเปลี่ยนสีอีกแล้วที่ช่อง 5 เปิดตัวตำแหน่งรองผอ.ใหม่ 2 คน หลังเปลี่ยนตัวผอ.แล้ว พร้อมเผยตัวคณะกรรมการพิจารณาปรับผังรายการใหม่ คาดสิ้นเดือนพฤศจิกายนผังใหม่คลอด ผบ.ทบ. ส่งตรง 3 นายเข้าร่วมบอร์ด ยัน “มิ่งขวัญ” เป็นเพียงที่ปรึกษา ไม่ได้นั่งเก้าอี้บอร์ด
แหล่งข่าวจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า หลังจากที่ช่อง 5 ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้อำนวยการสถานีใหม่คือ พลโทมีชัย ห้องริ้ว เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผอ.คนใหม่เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้แทนพลโทเลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 คนเดิม โดยมีนโยบายที่จะบริหารงานและพัฒนาช่อง 5 ให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ในฐานะที่เป็นสื่อสารมวลชนรายหนึ่งในวงการ
ทั้งนี้ได้มีการแต่งตั้งรองผอ.คนใหม่เข้ามาเสริมอีก 2 คนแทนคนเก่า ประกอบด้วย พลโทกิตติภูมิ ศรีวฤทธิ์ ดูทางด้านบริหาร มาจากสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก พลตรีเปรมสิน นิติสิริ ดูทางด้านรายการและช่องทีจีเอ็น ซึ่งมาจากสำนักงานตรวจกิจด้านส่งกำลังบำรุง กองทัพบก ส่วนอีกตำแหน่งเป็นคนเดิมคือ พลโทนิพนธ์ ธีระพงษ์ เจ้ากรมการทหารสื่อสารกองทัพบก
อย่างไรก็ตามจากนโยบายของ พลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ที่ต้องการจะลดกำลังทหารในช่อง 5 ลงให้มากที่สุดโดยที่ไม่กระทบกับการบริหารงานในช้อง 5 และเสริมพลเรือนเข้ามามากขึ้นนั้น
ล่าสุดได้เชิญนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการบอร์ดของคณะกรรมการบริหารกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกหรือกสท.เท่านั้นไม่ได้เข้ามาเป็นบอร์ด เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการทำตลาดและมีประสบการณ์บริหารช่องโมเดิร์นไนน์จนประสบความสำเร็จมาแล้ว
ทั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่ได้มีแนวคิดที่จะเชิญนายมิ่งขวัญมาเพื่อที่จะนำช่อง 5 เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯแต่อย่างใด แต่เชิญเข้ามาเพื่อปรึกษาทางด้านการทำงานมากกว่า
ขณะเดียวกันในส่วนของผังรายการใหม่นั้น ขณะนี้ทางผู้บริหารของช่อง 5 ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและกำหนดแนวทางของผังใหม่ว่าจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยลงตัว เนื่องจากจะต้องให้ผู้จัดรายการมีเวลาในการเตรียมตัวกับการปรับเปลี่ยนผังใหม่ด้วยก่อนที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า
ทั้งนี้คณะกรรมการพิจารณาผังรายการชุดใหม่ของช่อง 5 จะมีทั้งหมด 9 ท่านซึ่งมีการปรับเปลี่ยนกรรมการใหม่หลายคน คือ ผอ.ช่อง 5 เป็นประธาน, รองผอ. ทั้ง 3 คน, พันเอกยศพล มีพรหม ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายรายการ, พันเอกดนัย กฤตเมธาวี ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายข่าว, นอกจากนั้นยังมีอีก 3 ท่านที่ทางผบ.ทบ.ส่งเข้ามาร่วมพิจารณาด้วยคือ พลเอกภิรมย์ ตังครัตน์ พลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง พลโทบันเทิง พูลขำ
โดยจะยึดแนวทางที่ผบ.ทบ.มอบนโยบายไว้ว่า จะต้องพิจารณาด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ไม่มีใต้โต๊ะ และให้โอกาสกับผู้จัดรายการเก่าก่อนในการเสนอรายการ ซึ่งหลักเกณฑ์สำคัญนั้นจะพิจารณาจากการยอมรับรายการของผู้บริโภค เรตติ้ง และจะต้องไม่เป็นผู้จัดที่มีปัญหาทั้งด้านความประพฤติหรือการติดหนี้สินกับช่อง 5
รายการของช่อง 5 จะมุ่งเน้นทางด้านข่าวสารเป็นสำคัญมากกว่า 60-70% รวมทั้งจะเน้นด้านรายการกีฬา รายการเยาวชน รายการสาระความรู้ต่างๆ ส่วนรายการบันเทิงจะมีเหมือนกันแต่จะไม่มากเท่ากับรายการที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งแนวทางการหารายได้นั้นยังไม่สรุปว่าจะเป็นรูปแบบใดเป็นหลักทั้ง การเช่าเวลา การทำไทม์แชร์ริ่ง เป็นต้น ซึ่งจะต้องดูความเหมาะสมในรายละเอียดอีกครั้ง
“ปีหน้าช่อง 5 คงต้องปรับตัวหนักขึ้นและมากขึ้น เพราะปีหน้า จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการของ กสช. แล้วถือเป็นช่วงเริ่มต้น และคาดว่าในปี 2550 ก็จะเข้าสู่กระบวนการของ กสช. 100% แน่นอน ดังนั้นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งเราเองก็อยากเป็นเหมือน ช่อง 3 ช่อง 7 แต่ก็คงเป็นเหมือนกันหมดไม่ได้ เพราะของเขาเป็นธุรกิจ 100% แต่ของเราต้องตอบสนองนโยบายกองทัพบกเพื่อความมั่นคงด้วย”
พลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ในอนาคตช่อง 5 อาจจะมีความร่วมมือกับช่องอื่นมากขึ้น เช่น ช่องโมเดิร์นไนน์ เพื่อร่วมกันพัฒนาวงการทีวีของไทย ซึ่งช่อง 5 จะเน้นเรื่องความรับผิดชอบและความมั่นคงเป็นหลัก ส่วนเรื่องธุรกิจเป็นเรื่องรองลงมา
แหล่งข่าวจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า หลังจากที่ช่อง 5 ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้อำนวยการสถานีใหม่คือ พลโทมีชัย ห้องริ้ว เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผอ.คนใหม่เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้แทนพลโทเลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 คนเดิม โดยมีนโยบายที่จะบริหารงานและพัฒนาช่อง 5 ให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ในฐานะที่เป็นสื่อสารมวลชนรายหนึ่งในวงการ
ทั้งนี้ได้มีการแต่งตั้งรองผอ.คนใหม่เข้ามาเสริมอีก 2 คนแทนคนเก่า ประกอบด้วย พลโทกิตติภูมิ ศรีวฤทธิ์ ดูทางด้านบริหาร มาจากสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก พลตรีเปรมสิน นิติสิริ ดูทางด้านรายการและช่องทีจีเอ็น ซึ่งมาจากสำนักงานตรวจกิจด้านส่งกำลังบำรุง กองทัพบก ส่วนอีกตำแหน่งเป็นคนเดิมคือ พลโทนิพนธ์ ธีระพงษ์ เจ้ากรมการทหารสื่อสารกองทัพบก
อย่างไรก็ตามจากนโยบายของ พลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ที่ต้องการจะลดกำลังทหารในช่อง 5 ลงให้มากที่สุดโดยที่ไม่กระทบกับการบริหารงานในช้อง 5 และเสริมพลเรือนเข้ามามากขึ้นนั้น
ล่าสุดได้เชิญนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการบอร์ดของคณะกรรมการบริหารกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกหรือกสท.เท่านั้นไม่ได้เข้ามาเป็นบอร์ด เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการทำตลาดและมีประสบการณ์บริหารช่องโมเดิร์นไนน์จนประสบความสำเร็จมาแล้ว
ทั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่ได้มีแนวคิดที่จะเชิญนายมิ่งขวัญมาเพื่อที่จะนำช่อง 5 เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯแต่อย่างใด แต่เชิญเข้ามาเพื่อปรึกษาทางด้านการทำงานมากกว่า
ขณะเดียวกันในส่วนของผังรายการใหม่นั้น ขณะนี้ทางผู้บริหารของช่อง 5 ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและกำหนดแนวทางของผังใหม่ว่าจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยลงตัว เนื่องจากจะต้องให้ผู้จัดรายการมีเวลาในการเตรียมตัวกับการปรับเปลี่ยนผังใหม่ด้วยก่อนที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า
ทั้งนี้คณะกรรมการพิจารณาผังรายการชุดใหม่ของช่อง 5 จะมีทั้งหมด 9 ท่านซึ่งมีการปรับเปลี่ยนกรรมการใหม่หลายคน คือ ผอ.ช่อง 5 เป็นประธาน, รองผอ. ทั้ง 3 คน, พันเอกยศพล มีพรหม ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายรายการ, พันเอกดนัย กฤตเมธาวี ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายข่าว, นอกจากนั้นยังมีอีก 3 ท่านที่ทางผบ.ทบ.ส่งเข้ามาร่วมพิจารณาด้วยคือ พลเอกภิรมย์ ตังครัตน์ พลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง พลโทบันเทิง พูลขำ
โดยจะยึดแนวทางที่ผบ.ทบ.มอบนโยบายไว้ว่า จะต้องพิจารณาด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ไม่มีใต้โต๊ะ และให้โอกาสกับผู้จัดรายการเก่าก่อนในการเสนอรายการ ซึ่งหลักเกณฑ์สำคัญนั้นจะพิจารณาจากการยอมรับรายการของผู้บริโภค เรตติ้ง และจะต้องไม่เป็นผู้จัดที่มีปัญหาทั้งด้านความประพฤติหรือการติดหนี้สินกับช่อง 5
รายการของช่อง 5 จะมุ่งเน้นทางด้านข่าวสารเป็นสำคัญมากกว่า 60-70% รวมทั้งจะเน้นด้านรายการกีฬา รายการเยาวชน รายการสาระความรู้ต่างๆ ส่วนรายการบันเทิงจะมีเหมือนกันแต่จะไม่มากเท่ากับรายการที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งแนวทางการหารายได้นั้นยังไม่สรุปว่าจะเป็นรูปแบบใดเป็นหลักทั้ง การเช่าเวลา การทำไทม์แชร์ริ่ง เป็นต้น ซึ่งจะต้องดูความเหมาะสมในรายละเอียดอีกครั้ง
“ปีหน้าช่อง 5 คงต้องปรับตัวหนักขึ้นและมากขึ้น เพราะปีหน้า จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการของ กสช. แล้วถือเป็นช่วงเริ่มต้น และคาดว่าในปี 2550 ก็จะเข้าสู่กระบวนการของ กสช. 100% แน่นอน ดังนั้นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งเราเองก็อยากเป็นเหมือน ช่อง 3 ช่อง 7 แต่ก็คงเป็นเหมือนกันหมดไม่ได้ เพราะของเขาเป็นธุรกิจ 100% แต่ของเราต้องตอบสนองนโยบายกองทัพบกเพื่อความมั่นคงด้วย”
พลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ในอนาคตช่อง 5 อาจจะมีความร่วมมือกับช่องอื่นมากขึ้น เช่น ช่องโมเดิร์นไนน์ เพื่อร่วมกันพัฒนาวงการทีวีของไทย ซึ่งช่อง 5 จะเน้นเรื่องความรับผิดชอบและความมั่นคงเป็นหลัก ส่วนเรื่องธุรกิจเป็นเรื่องรองลงมา