ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปีนี้โตน้อย เหตุแต่ละแบรนด์ไม่ตื่นตัวและหว่านงบมีเดียน้อยลง ล่าสุดกระทิงแดงเตรียมเร่งเครื่องหนักช่วงโค้งสุดท้าย หวังยอดขายโต10% ส่วนปีหน้าเล็งทำตลาดให้ลูกทุ่งหวังยึดมาร์เก็ตแชร์คืนที่ 5% จากปัจจุบันที่ลดลงเหลือ 3%
นายสาธิต สถีระศรินทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในการทำตลาดยังคงเน้นโฆษณาผ่านทีวีเป็นหลัก ในการจุดพลุหรือทำการตลาดให้กับแบรนด์ได้มีความเคลื่อนไหว หรือการส่งเสริมการขายเพื่อแย่งยอดขายกันเองในตลาด ดังนั้นภาพลักษณ์ที่ออกมาของแต่ละแบรนด์ของเครื่องดื่มชูกำลังจะเน้นเพื่อสังคมเป็นจุดขายสำคัญ ขณะที่ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านของเครื่องดื่มชูกำลังพบว่ามีการเติบโตน้อยหรือประมาณ 3-5% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 15,000 ล้านบาท เนื่องจากการลงทุนด้านการโฆษณาของแต่ละแบรนด์มีกระแสตื่นตัวน้อย โดยงบการตลาดของแต่ละแบรนด์มีประมาณ 150-200 ล้านบาท จากเดิมที่จะใช้งบกว่า 500 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องสร้างสิ่งที่แตกต่างภายใต้เม็ดเงินที่มีอยู่ ด้วยการเตรียมทำการตลาดให้กับสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังทั้งแบรนด์กระทิงแดง และลูกทุ่งอย่างหนักในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ผ่านทางร้านเทรด ยี่ปั๊ว ซาปั๊วและการส่งเสริมการตลาด รวมถึงการนำเอาภาพยนตร์โฆษณาของเครื่องดื่ม ลูกทุ่ง ชุด “ขอเป็นพระเอก” มาออกอากาศใหม่รับช่วงเทศกาลปลายปี โดยจะใส่เนื้อหาเรื่องการประหยัดลงไปด้วย เพื่อต้องการกระตุ้นยอดขายรวมทั้งปีเติบโต 10%จากยอดขายปีที่แล้ว โดยสัดส่วนยอดขายกระทิงแดง คิดเป็น 95% และลูกทุ่ง 5% ขณะที่มาร์เก็ตแชร์โดยรวมของกระทิงแดงอยู่ที่ 27% จากตลาดรวม ส่วนคู่แข่งคือค่ายโอสถสภามี 4 แบรนด์รวมกัน ได้แก่ เอ็ม 150,ลิโพ,ฉลามและ.375 คิดเป็น 45-46%
สำหรับปี 2549 บริษัทฯเตรียมทำการตลาดให้กับแบรนด์ลูกทุ่งมากขึ้น โดยมีแผนออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ และกิจกรรมการตลาดเพื่อผลักดันให้ส่วนแบ่งการตลาดของลูกทุ่งกลับคืนมาได้ 5% เหมือนเดิม โดยปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดของลูกทุ่งลดลงเหลือ 3%
นายสาธิต สถีระศรินทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในการทำตลาดยังคงเน้นโฆษณาผ่านทีวีเป็นหลัก ในการจุดพลุหรือทำการตลาดให้กับแบรนด์ได้มีความเคลื่อนไหว หรือการส่งเสริมการขายเพื่อแย่งยอดขายกันเองในตลาด ดังนั้นภาพลักษณ์ที่ออกมาของแต่ละแบรนด์ของเครื่องดื่มชูกำลังจะเน้นเพื่อสังคมเป็นจุดขายสำคัญ ขณะที่ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านของเครื่องดื่มชูกำลังพบว่ามีการเติบโตน้อยหรือประมาณ 3-5% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 15,000 ล้านบาท เนื่องจากการลงทุนด้านการโฆษณาของแต่ละแบรนด์มีกระแสตื่นตัวน้อย โดยงบการตลาดของแต่ละแบรนด์มีประมาณ 150-200 ล้านบาท จากเดิมที่จะใช้งบกว่า 500 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องสร้างสิ่งที่แตกต่างภายใต้เม็ดเงินที่มีอยู่ ด้วยการเตรียมทำการตลาดให้กับสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังทั้งแบรนด์กระทิงแดง และลูกทุ่งอย่างหนักในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ผ่านทางร้านเทรด ยี่ปั๊ว ซาปั๊วและการส่งเสริมการตลาด รวมถึงการนำเอาภาพยนตร์โฆษณาของเครื่องดื่ม ลูกทุ่ง ชุด “ขอเป็นพระเอก” มาออกอากาศใหม่รับช่วงเทศกาลปลายปี โดยจะใส่เนื้อหาเรื่องการประหยัดลงไปด้วย เพื่อต้องการกระตุ้นยอดขายรวมทั้งปีเติบโต 10%จากยอดขายปีที่แล้ว โดยสัดส่วนยอดขายกระทิงแดง คิดเป็น 95% และลูกทุ่ง 5% ขณะที่มาร์เก็ตแชร์โดยรวมของกระทิงแดงอยู่ที่ 27% จากตลาดรวม ส่วนคู่แข่งคือค่ายโอสถสภามี 4 แบรนด์รวมกัน ได้แก่ เอ็ม 150,ลิโพ,ฉลามและ.375 คิดเป็น 45-46%
สำหรับปี 2549 บริษัทฯเตรียมทำการตลาดให้กับแบรนด์ลูกทุ่งมากขึ้น โดยมีแผนออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ และกิจกรรมการตลาดเพื่อผลักดันให้ส่วนแบ่งการตลาดของลูกทุ่งกลับคืนมาได้ 5% เหมือนเดิม โดยปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดของลูกทุ่งลดลงเหลือ 3%