อย.เข้ม สินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ผ่อนผัน การโฆษณาส่งเสริมการขาย ช่วงเทศกาลสิ้นปี ชี้ใครฝ่าฝืนรับโทษหนัก วงการเอเยนซีช้ำ ระบุ 3 เดือนท้ายปีที่แล้วเม็ดเงินโฆษณาวงการแอลกอฮอล์หายวูบ 400 ล้านบาท เพราะติดกฎเหล็ก
นายวิทวัส ชัยปาณี อุปนายกฝ่ายวิชาชีพ สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากมาตรการที่ทางภาครัฐได้เข้มงวดในการห้ามเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทำการโฆษณาส่งเสริมการขายผ่านสื่อทุกประเภทไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว พบว่าเม็ดเงินที่ใช้โฆษณาผ่านสื่อในช่วงเทศกาลการขาย 3 เดือนสุดท้ายของปีที่แล้วเม็ดเงินหายไปมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท จากเม็ดเงินที่ใช้ในการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งปีที่มีมูลค่าเกืยบ 2,000 ล้านบาท โดยสื่อโฆษณาผ่านสิ่งพิมพ์รายได้หายไปมากที่สุด ซึ่งงบที่หายไปผู้ประกอบการได้นำไปใช้ผ่านสื่อ ณ จุดขายเป็นหลักแทนที่
"โอกาสที่ผู้ประกอบการจะพลาด คือ สื่อโฆษณากลางแจ้ง เพราะไม่มีหน่วยงานคอยตรวจสอบ เหมือนกับสื่ออื่นที่มีหน่วยงานคอยตรวจ เช่น โรงภาพยนตร์จะมีกระทรวงวัฒนธรรมคอยตรวจสอบโฆษณา ฯลฯ นอกจากนี้สิ่งที่น่าห่วงคือเทศกาลเบียร์ การ์เด้นที่จะมีสื่อกลางแจ้ง ซึ่งหากมีป้ายบิลบอร์ดหรือโลโก้แบรนด์สินค้าถือว่ามีได้ แต่หากมีราคาหรือการเชิญชวนให้ดื่มถือว่าผิดกฎ"
ล่าสุดทางสมาคมฯได้เข้าไปพบเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อขอความชัดเจนในการโฆษณาส่งเสริมการขายเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลปีนี้ว่าจะสามารถขอผ่อนผันได้เหมือนช่วงปลายปีที่แล้วหรือไม่ ผลสรุปว่าปีนี้จะไม่มีการผ่อนผันการโฆษณาส่งเสริมการขายทุกประเภท ซึ่งถ้าเจ้าของสินค้า, เอเยนซี่และเจ้าของสื่อโฆษณาทำผิดจะต้องได้รับโทษสูงสุด ทั้งนี้การทำโฆษณาส่งเสริมสังคมและการส่งเสริมการขายด้วยการลด แลก แจกแถมผ่านช่องทางการขายยังทำได้
สำหรับกฎระเบียบเดิมมีทั้งของกรมประชาสัมพันธ์ที่ดูแลสื่อโทรทัศน์และวิทยุ,อย.ครอบคลุมทุกสื่อในด้านเนื้อหาที่ห้ามบรรยายสรรพคุณของสินค้าแอลกอฮอลล์,สคบ.ดูแลในเรื่องการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค ซึ่งโทษของผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีแต่ปรับเงินเท่านั้น ล่าสุดทางภาครัฐได้ประกาศกฏกระทรวงว่าด้วยการโฆษณาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอลล์และเครื่องดื่มที่มีผสมกาเฟอีนในโรงภาพยนตร์และทางป้ายโฆษณา พ.ศ.2547 ซึ่งผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษทั้งจำคุก 3-6 เดือนและปรับ3-5 หมื่นบาท
ด้านนายชัยประนิน วิสุทธิผล นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เผยว่า จุดยืนของสมาคมฯต้องการหนุนให้สมาชิกและ ผู้ประกอบการไม่ฝ่าฝืนมาตรการต่างๆที่ภาครัฐกำหนด โดยพยายามทำตนเป็นแกนกลางในการทำเซลฟ์ เรคกูเลชั่น (Self -regulation) หรือการดูแลตัวเองโดยที่ไม่มีภาครัฐมาควบคุม ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยความร่วมมือของสมาคมฯ ลูกค้าหรือผู้ประกอบการด้วย
สำหรับทิศทางการทำงานของเอเยนซี่ในการทำโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากที่กฎกระทรวงมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดการโฆษณาในโรงภาพยนตร์และทางป้ายโฆษณามากขึ้น ตรงนี้บรรดาเอเยนซี่จะเน้นไปที่การส่งเสริมการขายเป็นหลัก
นายวิทวัส ชัยปาณี อุปนายกฝ่ายวิชาชีพ สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากมาตรการที่ทางภาครัฐได้เข้มงวดในการห้ามเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทำการโฆษณาส่งเสริมการขายผ่านสื่อทุกประเภทไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว พบว่าเม็ดเงินที่ใช้โฆษณาผ่านสื่อในช่วงเทศกาลการขาย 3 เดือนสุดท้ายของปีที่แล้วเม็ดเงินหายไปมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท จากเม็ดเงินที่ใช้ในการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งปีที่มีมูลค่าเกืยบ 2,000 ล้านบาท โดยสื่อโฆษณาผ่านสิ่งพิมพ์รายได้หายไปมากที่สุด ซึ่งงบที่หายไปผู้ประกอบการได้นำไปใช้ผ่านสื่อ ณ จุดขายเป็นหลักแทนที่
"โอกาสที่ผู้ประกอบการจะพลาด คือ สื่อโฆษณากลางแจ้ง เพราะไม่มีหน่วยงานคอยตรวจสอบ เหมือนกับสื่ออื่นที่มีหน่วยงานคอยตรวจ เช่น โรงภาพยนตร์จะมีกระทรวงวัฒนธรรมคอยตรวจสอบโฆษณา ฯลฯ นอกจากนี้สิ่งที่น่าห่วงคือเทศกาลเบียร์ การ์เด้นที่จะมีสื่อกลางแจ้ง ซึ่งหากมีป้ายบิลบอร์ดหรือโลโก้แบรนด์สินค้าถือว่ามีได้ แต่หากมีราคาหรือการเชิญชวนให้ดื่มถือว่าผิดกฎ"
ล่าสุดทางสมาคมฯได้เข้าไปพบเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อขอความชัดเจนในการโฆษณาส่งเสริมการขายเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลปีนี้ว่าจะสามารถขอผ่อนผันได้เหมือนช่วงปลายปีที่แล้วหรือไม่ ผลสรุปว่าปีนี้จะไม่มีการผ่อนผันการโฆษณาส่งเสริมการขายทุกประเภท ซึ่งถ้าเจ้าของสินค้า, เอเยนซี่และเจ้าของสื่อโฆษณาทำผิดจะต้องได้รับโทษสูงสุด ทั้งนี้การทำโฆษณาส่งเสริมสังคมและการส่งเสริมการขายด้วยการลด แลก แจกแถมผ่านช่องทางการขายยังทำได้
สำหรับกฎระเบียบเดิมมีทั้งของกรมประชาสัมพันธ์ที่ดูแลสื่อโทรทัศน์และวิทยุ,อย.ครอบคลุมทุกสื่อในด้านเนื้อหาที่ห้ามบรรยายสรรพคุณของสินค้าแอลกอฮอลล์,สคบ.ดูแลในเรื่องการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค ซึ่งโทษของผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีแต่ปรับเงินเท่านั้น ล่าสุดทางภาครัฐได้ประกาศกฏกระทรวงว่าด้วยการโฆษณาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอลล์และเครื่องดื่มที่มีผสมกาเฟอีนในโรงภาพยนตร์และทางป้ายโฆษณา พ.ศ.2547 ซึ่งผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษทั้งจำคุก 3-6 เดือนและปรับ3-5 หมื่นบาท
ด้านนายชัยประนิน วิสุทธิผล นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เผยว่า จุดยืนของสมาคมฯต้องการหนุนให้สมาชิกและ ผู้ประกอบการไม่ฝ่าฝืนมาตรการต่างๆที่ภาครัฐกำหนด โดยพยายามทำตนเป็นแกนกลางในการทำเซลฟ์ เรคกูเลชั่น (Self -regulation) หรือการดูแลตัวเองโดยที่ไม่มีภาครัฐมาควบคุม ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยความร่วมมือของสมาคมฯ ลูกค้าหรือผู้ประกอบการด้วย
สำหรับทิศทางการทำงานของเอเยนซี่ในการทำโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากที่กฎกระทรวงมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดการโฆษณาในโรงภาพยนตร์และทางป้ายโฆษณามากขึ้น ตรงนี้บรรดาเอเยนซี่จะเน้นไปที่การส่งเสริมการขายเป็นหลัก