ไอ.ซี.ซี.เชื่อภาวะเศรษฐกิจปี49ดี เดินหน้าเร่งเครื่องหนักเตรียมทุ่มงบตลาดเพิ่ม100% จากปีนี้หรือกว่า 2,000 ล้านบาท เล็งสร้าง 10 แบรนด์ที่ยอดขายพลาดเป้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้านตลาดต่างประเทศเล็งสร้างแบรนด์บีเอสซีลุยตลาดโลกภายใน 3 ปี
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือสหพัฒนพิบูล เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2549 ว่า บริษัทฯ เตรียมใช้งบทางการตลาดเพิ่มขึ้นถึง100% จากยอดรายได้ปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 11,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 2,000ล้านบาทในการทำตลาดให้กับแบรนด์สินค้ากว่า 10 แบรนด์ที่มียอดขายไม่เป็นไปตามเป้าและบางแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาด โดยจะใช้กลยุทธ์ทางการโฆษณาผ่านสื่อและจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อต้องการสร้างแบรนด์สินค้า 10 กว่าแบรนด์ไปยังผู้บริโภค หลังจากที่ปีนี้บริษัทฯได้ใช้งบทางการตลาดน้อยไปส่งผลให้ยอดขายโตไม่มาก
ปัจจุบันบริษัทฯมีสินค้าในเครือหลายประเภท โดยหากคิดเป็นแบรนด์จะมีทั้งหมดกว่า 30 แบรนด์ อาทิ สินค้าเสื้อชั้นในวาโก้, กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง เช่น เพี๊ยซ, ชีนเน่,บีเอสซี เพียวแคร์ ,อาร์ตี้ ส่วนกลุ่มเครื่องแต่งกายชาย และหญิง เช่น เสื้อผ้าแบรนด์ลาคอส, แอร์โรว์ ,บีเอสซี เป็นต้น โดยในปีหน้าบริษัทฯเตรียมปรับคอนเซ็ปต์และทำตลาดให้กับแบรนด์สินค้าเดิมที่มียอดขายสูงอย่างลาคอส ,วาโก้ และแอร์โรว์อีกด้วย เพื่อให้ยอดรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ปีหน้าหรือมียอดรายได้โต 15-20%
นายบุญเกียรติ กล่าวด้วยว่า ในส่วนภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ชะลอตัวลงนั้นมองว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น ขณะที่ภาพรวมตลาดคาดว่าจะดีขึ้นจากปีนี้ ในส่วนของบริษัทฯจะเน้นไปที่การสร้างแบรนด์สินค้าที่มีอยู่ในมือให้ดี รวมถึงต้องมีการปรับตัวทางด้านการทำงานและมีการติดตามผลงานในแต่ละแบรนด์อย่างใกล้ชิดด้วย ซึ่งศักยภาพของแต่ละแบรนด์ไม่เท่ากัน
สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มองว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูกาลขายสินค้าและการปรับตัวของราคาน้ำมันเริ่มคงที่แล้วทำให้ผู้บริโภคเริ่มที่จะปรับตัวในการจับจ่ายสินค้าได้แล้ว ในส่วนของแผนการทำตลาดในช่วงท้ายปีบริษัทฯเตรียมจัดแคมเปญทางการตลาดให้กับทุกแบรนด์ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงท้ายปีให้มากที่สุด ซึ่งแคมเปญที่จัด เช่น " ใส่ 7 สี 7 วันกับแบรนด์แอร์โรว์" ทั้งนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดรายได้ แบรนด์แอร์โรว์โต 15% จากเดิมที่โตประมาณ 10%
ขณะที่ ผลประกอบการของบริษัทฯในช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดขายโต 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในเวลาเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยแบรนด์ลาคอสมียอดขายมากเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่สิ้นปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายโต 15% หรือประมาณ 11,500 ล้านบาท
ส่วนการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศนั้นปัจจุบันบริษัทฯมีส่งออกบางแบรนด์ที่ซื้อลิขสิทธิ์และรับจ้างผลิตให้ไปขายในประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว และเวียดนาม ฯลฯ ขณะที่แบรนด์ของตัวเองอย่างบีเอสซีบริษัทฯตั้งเป้าภายใน 3 ปีนี้จะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดทางธุรกิจหลังจากที่ปีนี้แบรนด์บีเอสซีเริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากขึ้นจากการเป็นสปอนเซอร์ชุดว่ายน้ำในงานมิสยูนิเวอร์ 2005
โดยปัจจุบันการส่งออกของบีเอสซีจะมีเฉพาะชุดชั้นในที่ขายในสิงคโปร์ผ่านดิสทิบิวเตอร์ ในอนาคตบริษัทฯเตรียมรุกส่งออกเสื้อผ้าของบีเอสซีไปยังตลาดยุโรปและญี่ปุ่นในลักษณะการร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ขณะที่ยอดรายได้ของบีเอสซีในแต่ละปีจะมีอัตราการโต 20%
ล่าสุดบริษัทฯได้เป็นพันธมิตรทางวัฒนธรรมกับสถานีดาวเทียมที แชนแนลในการจัดโครงการดาวรุ่งลูกทุ่งไทยแลนด์ โดยจะมีการนำสินค้าบริโภคและอุปโภคที่ขายในร้าน 108 ชอปเข้าร่วมรายการเพื่อเป็นการโปรโมทแบรนด์และสินค้าผ่านช่องที แชนแนล
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือสหพัฒนพิบูล เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2549 ว่า บริษัทฯ เตรียมใช้งบทางการตลาดเพิ่มขึ้นถึง100% จากยอดรายได้ปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 11,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 2,000ล้านบาทในการทำตลาดให้กับแบรนด์สินค้ากว่า 10 แบรนด์ที่มียอดขายไม่เป็นไปตามเป้าและบางแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาด โดยจะใช้กลยุทธ์ทางการโฆษณาผ่านสื่อและจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อต้องการสร้างแบรนด์สินค้า 10 กว่าแบรนด์ไปยังผู้บริโภค หลังจากที่ปีนี้บริษัทฯได้ใช้งบทางการตลาดน้อยไปส่งผลให้ยอดขายโตไม่มาก
ปัจจุบันบริษัทฯมีสินค้าในเครือหลายประเภท โดยหากคิดเป็นแบรนด์จะมีทั้งหมดกว่า 30 แบรนด์ อาทิ สินค้าเสื้อชั้นในวาโก้, กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง เช่น เพี๊ยซ, ชีนเน่,บีเอสซี เพียวแคร์ ,อาร์ตี้ ส่วนกลุ่มเครื่องแต่งกายชาย และหญิง เช่น เสื้อผ้าแบรนด์ลาคอส, แอร์โรว์ ,บีเอสซี เป็นต้น โดยในปีหน้าบริษัทฯเตรียมปรับคอนเซ็ปต์และทำตลาดให้กับแบรนด์สินค้าเดิมที่มียอดขายสูงอย่างลาคอส ,วาโก้ และแอร์โรว์อีกด้วย เพื่อให้ยอดรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ปีหน้าหรือมียอดรายได้โต 15-20%
นายบุญเกียรติ กล่าวด้วยว่า ในส่วนภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ชะลอตัวลงนั้นมองว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น ขณะที่ภาพรวมตลาดคาดว่าจะดีขึ้นจากปีนี้ ในส่วนของบริษัทฯจะเน้นไปที่การสร้างแบรนด์สินค้าที่มีอยู่ในมือให้ดี รวมถึงต้องมีการปรับตัวทางด้านการทำงานและมีการติดตามผลงานในแต่ละแบรนด์อย่างใกล้ชิดด้วย ซึ่งศักยภาพของแต่ละแบรนด์ไม่เท่ากัน
สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มองว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูกาลขายสินค้าและการปรับตัวของราคาน้ำมันเริ่มคงที่แล้วทำให้ผู้บริโภคเริ่มที่จะปรับตัวในการจับจ่ายสินค้าได้แล้ว ในส่วนของแผนการทำตลาดในช่วงท้ายปีบริษัทฯเตรียมจัดแคมเปญทางการตลาดให้กับทุกแบรนด์ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงท้ายปีให้มากที่สุด ซึ่งแคมเปญที่จัด เช่น " ใส่ 7 สี 7 วันกับแบรนด์แอร์โรว์" ทั้งนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดรายได้ แบรนด์แอร์โรว์โต 15% จากเดิมที่โตประมาณ 10%
ขณะที่ ผลประกอบการของบริษัทฯในช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดขายโต 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในเวลาเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยแบรนด์ลาคอสมียอดขายมากเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่สิ้นปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายโต 15% หรือประมาณ 11,500 ล้านบาท
ส่วนการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศนั้นปัจจุบันบริษัทฯมีส่งออกบางแบรนด์ที่ซื้อลิขสิทธิ์และรับจ้างผลิตให้ไปขายในประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว และเวียดนาม ฯลฯ ขณะที่แบรนด์ของตัวเองอย่างบีเอสซีบริษัทฯตั้งเป้าภายใน 3 ปีนี้จะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดทางธุรกิจหลังจากที่ปีนี้แบรนด์บีเอสซีเริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากขึ้นจากการเป็นสปอนเซอร์ชุดว่ายน้ำในงานมิสยูนิเวอร์ 2005
โดยปัจจุบันการส่งออกของบีเอสซีจะมีเฉพาะชุดชั้นในที่ขายในสิงคโปร์ผ่านดิสทิบิวเตอร์ ในอนาคตบริษัทฯเตรียมรุกส่งออกเสื้อผ้าของบีเอสซีไปยังตลาดยุโรปและญี่ปุ่นในลักษณะการร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ขณะที่ยอดรายได้ของบีเอสซีในแต่ละปีจะมีอัตราการโต 20%
ล่าสุดบริษัทฯได้เป็นพันธมิตรทางวัฒนธรรมกับสถานีดาวเทียมที แชนแนลในการจัดโครงการดาวรุ่งลูกทุ่งไทยแลนด์ โดยจะมีการนำสินค้าบริโภคและอุปโภคที่ขายในร้าน 108 ชอปเข้าร่วมรายการเพื่อเป็นการโปรโมทแบรนด์และสินค้าผ่านช่องที แชนแนล