ระบุยอดผู้เข้าชมงาน "มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 10" มีกว่า 1.5 ล้านคน และมียอดเงินหมุนเวียนกว่า 550 ล้านบาท โดยหนังสือวรรณกรรมเยาวชนได้รับความนิยมสูงสุด ขณะเดียวกันก็มีประชาชนร่วมสนับสนุนให้ กทม.เป็นเมืองแห่งหนังสือตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ กรรมการสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 10 ตั้งแต่วันที่ 6-16 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ประสบความสำเร็จเกินคาด มีประชาชนเข้าร่วมชมงานและซื้อหนังสืออย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ โดยมียอดผู้เข้าชมงานทั้งสิ้นประมาณ 1,500,000 คน และยอดเงินที่ใช้จ่ายภายในงานประมาณ 550 ล้านบาท โดยเฉลี่ยในวันทำการมีผู้เข้าชมงานประมาณ 100,000 คน และวันเสาร์-อาทิตย์ ประมาณ 150,000-200,000 คน และในปีนี้มียอดการจำหน่ายหนังสือเพิ่มมากขึ้นประมาณ 2-3 เท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2546 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มต้นรณรงค์รักการอ่าน โดยหนังสือวรรณกรรมเด็กและเยาวชนมียอดการจำหน่ายสูงสุด สะท้อนให้เห็นว่า การรณรงค์สร้างวัฒนธรรมการอ่านประสบความสำเร็จ โดยพ่อแม่ผู้ปกครองช่วยส่งเสริมให้บุตรหลานสนใจการอ่านมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เยาวชนไทยรักการอ่านมากขึ้นและเติบโตเป็นอนาคตที่ดีของประเทศ
นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดเจนว่า มีสำนักพิมพ์ที่จัดพิมพ์นวนิยายเยาวชนเน้นไปที่วรรณกรรมแปลเกิดมากขึ้น ซึ่งอาจะเป็นผลสืบเนื่องจากหนังสือ "แฮร์รี่ พอตเตอร์" เช่น เกิดสำนักพิมพ์แจ่มใส ,ใยไหม,เพิร์ล รวมทั้งยังมียอดพิมพ์หนังสือวรรณกรรมเยาวชนแปลเฉลี่ย 30-40 ปกต่อสำนักพิมพ์ นอกจากนี้หนังสือสาระบันเทิงจากปลายปากกาของผู้มีชื่อเสียง เช่น ดารา ผู้ประกาศข่าว ผู้วิเคราะห์ข่าว ก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน และมีการเปิดตัวหนังสือในงานมหกรรมครั้งนี้ และได้รับความสนใจจากผู้ชมงานอย่างคับคั่ง
ส่วนกิจกรรม World Book Capital ที่เปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นและร่วมสนับสนุนเพื่อสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองหนังสือในปี 2551 และเสนอชื่อต่อองค์การยูเนสโก ปรากฏว่า มีประชาชนเข้าร่วมประมาณ 30,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่สมาคมฯ ตั้งเป้าไว้ สำหรับการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติของคณะกรรมการฯ ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในเดือนมีนาคม 2549 ซึ่งก็ยังมีเป้าหมายที่จะให้ กทม.เป็นเมืองแห่งหนังสือต่อไป
นายธนะชัย สันติชัยกูล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พอใจการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 10 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 6-16 ตุลาคม โดยในภาพรวมเศรษฐกิจแบบนี้ยังมีประชาชนเข้าชมงานจำนวนมากก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์มีผู้เข้าชมงานแน่นมากจนทำให้ไม่สามารถเข้าเลือกชมหนังสือได้ ดังนั้น ภายหลังจบงานแล้ว จะหารือกับผู้บริหารของศูนย์สิริกิติ์เพื่อหาทางแก้ไข ป้องกันปัญหานี้ในการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติในเดือนเมษายนปีหน้า เพื่อให้เดินชมงานได้ทุกจุด สิ่งที่พบในการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งนี้คือ ผู้อ่านกลุ่มเด็กและเยาวชนเข้าชมงานจำนวนมาก ส่งผลให้สำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือกลุ่มนี้มีผู้เข้าชมที่บูธอย่างล้นหลาม ผู้ที่บอกว่า เด็กและเยาวชนวัยรุ่นไม่อ่านหนังสือต้องเปลี่ยนคำพูดแล้ว เพราะหากมีหนังสือที่เขาถูกใจ ทั้งเด็กและเยาวชนจะอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น
นายธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ กรรมการสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 10 ตั้งแต่วันที่ 6-16 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ประสบความสำเร็จเกินคาด มีประชาชนเข้าร่วมชมงานและซื้อหนังสืออย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ โดยมียอดผู้เข้าชมงานทั้งสิ้นประมาณ 1,500,000 คน และยอดเงินที่ใช้จ่ายภายในงานประมาณ 550 ล้านบาท โดยเฉลี่ยในวันทำการมีผู้เข้าชมงานประมาณ 100,000 คน และวันเสาร์-อาทิตย์ ประมาณ 150,000-200,000 คน และในปีนี้มียอดการจำหน่ายหนังสือเพิ่มมากขึ้นประมาณ 2-3 เท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2546 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มต้นรณรงค์รักการอ่าน โดยหนังสือวรรณกรรมเด็กและเยาวชนมียอดการจำหน่ายสูงสุด สะท้อนให้เห็นว่า การรณรงค์สร้างวัฒนธรรมการอ่านประสบความสำเร็จ โดยพ่อแม่ผู้ปกครองช่วยส่งเสริมให้บุตรหลานสนใจการอ่านมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เยาวชนไทยรักการอ่านมากขึ้นและเติบโตเป็นอนาคตที่ดีของประเทศ
นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดเจนว่า มีสำนักพิมพ์ที่จัดพิมพ์นวนิยายเยาวชนเน้นไปที่วรรณกรรมแปลเกิดมากขึ้น ซึ่งอาจะเป็นผลสืบเนื่องจากหนังสือ "แฮร์รี่ พอตเตอร์" เช่น เกิดสำนักพิมพ์แจ่มใส ,ใยไหม,เพิร์ล รวมทั้งยังมียอดพิมพ์หนังสือวรรณกรรมเยาวชนแปลเฉลี่ย 30-40 ปกต่อสำนักพิมพ์ นอกจากนี้หนังสือสาระบันเทิงจากปลายปากกาของผู้มีชื่อเสียง เช่น ดารา ผู้ประกาศข่าว ผู้วิเคราะห์ข่าว ก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน และมีการเปิดตัวหนังสือในงานมหกรรมครั้งนี้ และได้รับความสนใจจากผู้ชมงานอย่างคับคั่ง
ส่วนกิจกรรม World Book Capital ที่เปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นและร่วมสนับสนุนเพื่อสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองหนังสือในปี 2551 และเสนอชื่อต่อองค์การยูเนสโก ปรากฏว่า มีประชาชนเข้าร่วมประมาณ 30,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่สมาคมฯ ตั้งเป้าไว้ สำหรับการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติของคณะกรรมการฯ ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในเดือนมีนาคม 2549 ซึ่งก็ยังมีเป้าหมายที่จะให้ กทม.เป็นเมืองแห่งหนังสือต่อไป
นายธนะชัย สันติชัยกูล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พอใจการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 10 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 6-16 ตุลาคม โดยในภาพรวมเศรษฐกิจแบบนี้ยังมีประชาชนเข้าชมงานจำนวนมากก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์มีผู้เข้าชมงานแน่นมากจนทำให้ไม่สามารถเข้าเลือกชมหนังสือได้ ดังนั้น ภายหลังจบงานแล้ว จะหารือกับผู้บริหารของศูนย์สิริกิติ์เพื่อหาทางแก้ไข ป้องกันปัญหานี้ในการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติในเดือนเมษายนปีหน้า เพื่อให้เดินชมงานได้ทุกจุด สิ่งที่พบในการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งนี้คือ ผู้อ่านกลุ่มเด็กและเยาวชนเข้าชมงานจำนวนมาก ส่งผลให้สำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือกลุ่มนี้มีผู้เข้าชมที่บูธอย่างล้นหลาม ผู้ที่บอกว่า เด็กและเยาวชนวัยรุ่นไม่อ่านหนังสือต้องเปลี่ยนคำพูดแล้ว เพราะหากมีหนังสือที่เขาถูกใจ ทั้งเด็กและเยาวชนจะอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น